#ไปขอนแก่น 
ในโลกที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟและคาเฟ่มากมาย การสร้างความแตกต่างและสะท้อนความเป็นตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับ Engmore Crafthouse ร้านมัทฉะที่ตั้งอยู่ขอนแก่น ไม่ใช่แค่ร้านเครื่องดื่มธรรมดา แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความรักในบ้านเก่าและการสืบทอดประสบการณ์จากการเดินทางไกลไปที่เมืองอูจิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเรียนรู้ศาสตร์แห่งการชงมัทฉะและการให้ความสำคัญกับทุกโมเมนต์ที่เกิดขึ้นในชีวิต
จากบ้านหลังเก่าที่เต็มไปด้วยความทรงจำจากการเก็บหอมรอมริบของคุณพ่อคุณแม่ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ Engmore Crafthouse ที่ไม่ได้เป็นแค่ร้านมัทฉะ แต่ยังเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความใส่ใจในทุกมุมมองของการออกแบบและการบริการ คุณนำ-บุญนำ กลิ่นบุญเรือง Co-founder และหนึ่งในพาร์ทเนอร์ของร้านบอกกับเราว่า ตั้งใจให้ร้านนี้เป็นพื้นที่ที่ทั้งชาวขอนแก่นและนักท่องเที่ยวจากจังหวัดอื่นๆ สามารถมาเติมพลังใจได้ในทุกครั้งที่แวะมา
ทุกมุมของอิงมอถูกออกแบบด้วยความใส่ใจในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวัสดุธรรมชาติที่เรียบง่าย หรือการจัดสวนที่มีความผสมผสานระหว่างความเป็นญี่ปุ่นและอีสาน ทุกอย่างออกมาจากความตั้งใจที่ไม่ปรุงแต่ง เป็นบรรยากาศที่อยากให้มองมาแล้วสบายๆ เหมือนได้ใช้เวลาพักผ่อนไปพร้อมกัน
“เราคิดว่าทุกคนที่มาเยี่ยมที่นี่ต้องได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษ เพราะเราตั้งใจทำทุกอย่างด้วยความรักและความจริงใจ ทุกจุดที่เห็นในร้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ทุกต้น ก้อนหินทุกก้อน หรือแม้กระทั่งการออกแบบ เราทำกันเองทั้งหมด”
แรงบันดาลใจจากการเดินทางไปที่เมืองอูจิ ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ทุกคนตัดสินใจที่จะมอบประสบการณ์พิเศษให้ลูกค้าในแบบที่ได้รับจากการไปที่นั่น “ช่วงต้นปีก่อน เรามีโอกาสไปที่เมืองอูจิ เพื่อตามหาและศึกษาการชงมัทฉะ เราได้พบกับพี่สาวสองคนที่นั่น พวกเขาได้ถ่ายทอดวิธีการชงมัทฉะให้กับเรา และก่อนจะจากกัน พวกเขาก็ได้ให้กระดาษแผ่นหนึ่งพร้อมกับคำว่า ‘一期一会’ (Ichigo Ichie) หรือ โชคชะตานำพาให้เรามาพบกัน และมันอาจจะเป็นเพียงแค่โอกาสเดียวที่เราได้เจอกัน” จากความประทับใจในประโยคนั้น กลายเป็นแนวคิดหลักที่นำมาใช้ร้าน ว่าทุกโมเมนต์ที่เพื่อนๆ หรือ ลูกค้ามานั่งร้าน ก็อยากทำให้เต็มที่ อยากใส่ใจในทุกจุด ให้เพื่อนๆ ได้รับประสบการณ์พิเศษทุกโมเมนต์ที่นั่งอยู่ที่อิงมอ
ที่นี่ไม่ได้เสิร์ฟแค่เครื่องดื่มธรรมดา แต่เสิร์ฟประสบการณ์ผ่านการเลือกใช้ชาและมัทฉะที่มีคุณภาพ พร้อมทั้งคำแนะนำในการเลือกดื่มที่เหมาะสมกับความชอบของลูกค้า โดยเฉพาะ ‘ชาน้ำค้างหยก’ ที่ได้ไปค้นพบระหว่างการเดินทางไปญี่ปุ่น ชาตัวนี้มีรสชาติอูมามิ หวานละมุนในปาก “หลายคนได้ลองดื่มแล้วบอกว่ามันรสชาติที่พวกเขาไม่เคยดื่มที่ไหนมาก่อน และอยากจะดื่มทั้งวัน” คุณนำพูดไปด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนจะทำร้านนี้เราก็คิดกันเยอะ ว่ามันจะคุ้มไหม ลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของเราไหม แล้วเราจะเอาเวลาไหนมาทำ จะเอาเงินที่ไหนมาทำ มันคิดเยอะไปหมดเลย กว่าจะได้เริ่มทำก็ใช้เวลาพอสมควร จนมีวันหนึ่งที่เราอยากได้เก้าอี้ของ This is a chair เป็นแบรนด์เก้าอี้ของคุณรุ่งโรจน์ เราก็ไปนั่งคุยกับพี่รุ่งโรจน์ เขาบอกกับเราว่าเป็นสโตรก แต่โชคดีที่กลับมาได้ พี่รุ่งโรจน์เลยบอกกับเราว่า ‘ถ้าอยากทำอะไร ให้ทำเลย ณ วันนี้ เพราะว่าวันพรุ่งนี้ มันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น’ ได้ยินประโยคนั้น ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เราตัดสินใจทำที่นี่เลยครับ ถึงแม้ว่าจะต้องบินไป-กลับ เสาร์ อาทิตย์ ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี ใช้เงินใช้ทองไปเยอะ แบ่งเวลาไปเยอะพอสมควร แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ ในวันที่เรายังมีโอกาสทำมันได้ครับ แม้ว่ามันจะคุ้มไหม หรือว่ามันจะคืนทุนเมื่อไหร่ เราว่ามันเป็นเรื่องรองแล้ว”
ผลลัพธ์ของของความตั้งใจผ่านการสร้าง Engmore Crafthouse ทำให้พื้นที่นี้เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น ที่ลูกค้าทุกคนสามารถเข้ามาใช้เวลาพักผ่อน เติมพลังใจ และสัมผัสถึงความจริงใจจากทุกการต้อนรับ ในทุกๆ มุมของร้าน แม้จะไม่สามารถบอกเล่าทุกความรู้สึกออกมาได้ทั้งหมด แต่ทุกคนที่เข้ามาจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากสถานที่แห่งนี้ เหมือนการได้กลับมาบ้านหลังเก่าที่มีความหมายอันลึกซึ้งแน่นอน 
