หนองสองห้องซิกเนเจอร์ ปักหมุด One Day Trip อิ่มท้องอิ่มใจที่หนองสองห้อง และ 10 ของดีซิกเนเจอร์ประจำอำเภอต้องลอง!

ว่ากันว่า กาลครั้งหนึ่งมีกลุ่มคนลาวเท้าพระยาอพยพมาปักรกรากตั้งบ้านสร้างเมืองตรงทำเลนี้ เหตุเพราะมีหนองน้ำคู่ดูอุดมสมบูรณ์ จึงเป็นที่มาของชื่ออำเภอหนองสองห้องในที่สุด นอกจากประวัติที่มาของชื่อแล้ว หากวันนี้มีคนตั้งคำถามว่า “หนองสองห้องมีอะไรน่าสนใจบ้าง?” เชื่อว่าข้อมูลในหัวหลายคนคงแบล้งก์ ๆ เบลอ ๆ หรือรู้แค่ว่าเป็นเมืองผ่านไปบุรีรัมย์ เพราะหนองสองห้องเป็นอำเภอตะเข็บชายแดนของขอนแก่นที่เชื่อมโยงทั้ง จ.นครราชสีมา และ จ.บุรีรัมย์ รถโดยสารมายังอำเภอนี้ก็ไม่ค่อยมี จึงไม่แปลกที่อำเภอนี้จะถูกบุลลี่ว่าไม่มีอะไร

Local Insider จึงอยากชวนคุณเปลี่ยนมุมมองใหม่ เพราะเราไปสืบรู้มาว่า ในอำเภอนอกสายตาอย่างหนองสองห้อง เขามีของดีของเด็ดซุกซ่อนอยู่มากมาย กลายเป็นที่มาของ “10 ซิกเนเจอร์แห่งหนองสองห้อง” ที่เราอาสาพาไปเลาะขับรถมาเที่ยวแบบ One Day Trip กับอำเภอนี้ดูสักครั้ง พร้อมสัมผัสพลังของคนรักบ้านเกิดที่กลับมาช่วยกันคนละไม้ละมือผลักดันให้หนองสองห้องคึกคักน่ามาเยือน ว่าแล้วอย่ารอช้าพาล้อหมุนมาหนองสองห้องกันด่วน ๆ เลย


ลาบปิ้งป้ายากับข้าวจี่และตลาดเช้าแบกะดิน

ตลาดเช้าหนองสองห้อง ฝั่งตรงข้ามที่ว่าการอำเภอ เขาตั้งแผงกันแต่เช้ามืด แนะให้มาก่อน 7 โมง ถ้าไม่อยากพลาดของแซ่บอย่าง “ลาบปิ้งป้ายา” ที่ขายดิบขายดีวางปุ๊บหมดปั๊บ เจ้านี้เขาจะตั้งแผงขายอาหารปิ้งย่างอยู่ปากทาง

ลาบปิ้งป้ายา ทำจากลาบเลือดเนื้อวัวผสมกับเพี้ยให้ขมพออ่ำหล่ำ(เล็กน้อย) ห่อใบตองปิ้งจนสุก หอม รสเค็ม เผ็ด ขม นัว ลงตัวสุด ๆ กินกับข้าวเหนียวหรือข้าวจี่นี่คือที่สุด จนต้องยกมงยกให้เป็นของอร่อยซิกเนเจอร์ของอำเภอนี้  (ลาบปิ้งป้ายา โทร 080 021 2440)

นอกจากนี้บรรยากาศตลาดเช้า ที่ถนนซอยตลาดสดเทศบาลหนองสองห้องนั้นดูน่ารักมีเสน่ห์ดี เพราะพ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่จะนำวัตถุดิบพื้นบ้านวางขายแบกะดินกัน น่ารักติดดินสุด ๆ ได้เห็นแม่ป้ากำลังนั่งเย็บกระทงใบตองเพื่อเตรียมทำขนมตาล วัตถุดิบพื้นบ้านมากมาย แต่เยอะที่สุดเห็นจะเป็น ฮวก เห็ดป่า เขียด และปลาทั้งแบบสด และแบบย่างมาขายแล้ว ก็มี คงเพราะเป็นฤดูฝนก็เลยมีสินค้าแบบนี้วางขาย พอเปลี่ยนฤดูก็คงจะปรับเปลี่ยนกันไป


เค้กไข่บ้านขนมทรงประดิษฐ์เรียบง่ายได้ใจสไตล์เค้กไข่โบราณ

เดินตลาดเช้าเสร็จอย่าเพิ่งรีบกลับ ลองเลี้ยวไปตรงฟุตปาธใกล้กับตู้กด ATM ธนาคารออมสิน ริมถนนฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลหนองสองห้อง จะมี “ร้านเค้กเค้กทรงประดิษฐ์” ร้านนี้อารมณ์เหมือนร้านเบเกอรีโบราณที่ทำขายสมัยก่อน ร้านเขาเปิดร้านแต่เช้าตรู่เพราะคุณยายเจ้าของร้านจะตื่นมาตักบาตร ก็เลยถือโอกาสเปิดร้านด้วยเลย คุณยายเล่าให้เราฟังว่าลูกสาวไปเรียนทำเค้กพวกนี้มาจากกรุงเทพฯ และทำขายมา 24 ปี แล้ว ปัจจุบันผู้ที่ดูแลร้านคือ พีทจีรพงษ์กงเพชร ซึ่งเป็นหลานชาย 

ในตู้เค้กของร้านมีทั้งเค้กปอนด์บีบครีมรูปดอกไม้สไตล์โบราณ หรือเค้กหน้าแยมติดประดับด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์และผลไม้เชื่อม เนื้อเค้กร้านนี้จะเป็นสปันจ์เค้ก หรือ ขนมปุยฝ้ายใส่มะละกอเชื่อมสี ๆ คือเห็นแล้วรู้สึกย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ที่ชอบมากก็คือเค้กไข่ชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ เรียงใส่กล่อง ไม่แต่งหน้าขนมใด ๆ มีความเรียบ มีความง่าย แต่มีความนุ่มอร่อย ชุบชูใจคนชอบขนมอย่างเรา จนต้องอวยยศให้เป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ของหนองสองห้องที่ต้องลอง  บ้านขนมทรงประดิษฐ์ เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-19.00 น. โทรศัพท์ 063 919 9190


ไหว้พระโบราณวัดเกาะชมวิวหนองหูลิง

ตอนไปเดินถ่ายรูปตลาดเช้า เหล่าแม่ค้าชาวหนองสองห้องถามว่า “มาจากไส มาเฮ็ดอีหยัง” ก็เลยบอกว่ามาเที่ยวหนองสองห้องเอาไปโปรโมต  พอได้ยินแบบนั้นเหล่าเจ้าบ้านก็รีบแนะนำว่าต้องไปไหว้พระวัดเกาะ  

เจ้าบ้านแนะนำมาขนาดนี้ก็เลยลองแวะไปก็ดีเหมือนกัน เพราะจะได้ไปดูหนองน้ำที่มาของชื่อเมืองด้วย จากตลาดเช้าขับรถเลยเข้าไปสักอึดใจจะเจอกับหนองน้ำใหญ่อย่าง “หนองหูลิง” ที่ตอนนี้เขากำลังปรับภูมิทัศน์ไว้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของชาวเมือง พอได้เห็นก็จึงเข้าใจที่มาของชื่อ มองตามทางคั่นหนองน้ำไปจะพบกับ “วัดเกาะสะอาด” หรือแต่เดิมชื่อว่า “วัดบ้านหนองสองห้อง” 

วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2412 อายุร้อยกว่าปี ในพระอุโบสถหลังเก่ามีพระพุทธรูปเก่าแก่ประดิษฐานอยู่ ว่ากันว่าอายุก็ร่วมร้อยปีเช่นกัน และที่แปลกตาก็คือโบสถ์หลังนี้จะมีใบเสมาปักอยู่ภายในตัวโบสถ์ ซึ่งโดยปรกติ ใบเสมาที่แสดงถึงอาณาเขตแสดงพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของวัดมักจะปักอยู่รอบนอกตัวพระอุโบสถเป็นส่วนใหญ่ 

ไหน ๆ มาถึงแล้ว เราก็เลยไม่พลาดที่จะเข้าไปไหว้พระขอพรสักหน่อย ซึ่งพรที่ขอก็คือ ขอให้ระหว่างตะลอนออนทัวร์ทำคอนเทนต์หนองสองห้องนี้ฝนไม่ตกระหว่างทำงาน ว่าแล้วก็กราบสามทีงาม ๆ แล้วจากมา

ชิมสารพัดเมนูเมล่อนแสนอร่อยที่เคียงบึงฟาร์ม
ร้านที่อยากใช้การท่องเที่ยวเชิงเกษตรดึงผู้คนมาเที่ยวเมือง 

ริมหนองหูลิง ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและร้านอาหารเก๋ ๆ ที่ไม่ควรพลาด นั่นคือ “เคียงบึงฟาร์ม”  ทีเด็ดคือเขาปลูกผลไม้ที่เป็นซูเปอร์ฟู้ดปลอดสารพิษหลายชนิด ทั้งเมล่อนหลากสายพันธุ์ องุ่น มะเขือเทศกินผลสด และกำลังจะทดลองปลูกทองคำเขียวแห่งวงการอาหารอย่าง อะโวคาโดสายพันธุ์บรู อีกด้วย

พี่เคี้ยงจีร์ระพัฒน์วรสิงห์ เจ้าของที่นี่เคยเป็นนายกเทศมนตรีหนองสองห้องมา 3 สมัย ด้วยการเป็นนักปกครองมาก่อน โจทย์สำคัญที่พี่เคี้ยงคิดก็คือ จะทำยังไงให้คนแวะเวียนมาที่หนองสองห้อง และเกิดการจับจ่ายใช้สอย เขาก็พยายามหาคำตอบ และไปลงเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ทำวิจัยร่วมกับทางมหาวิทยาลัย จนได้ข้อสรุปว่าการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคือคำตอบ

เคียงบึงฟาร์มจึงถือกำเนิดขึ้น และหวังใจให้เป็นแลนด์มาร์กปักหมุดจุดท่องเที่ยวของหนองสองห้อง แถมยังเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงเกษตรอีกด้วย ทำให้เมล่อนของเขาถูกอวยยศเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ประจำอำเภอ และพี่เคี้ยงเองก็ได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นจังหวัดขอนแก่น สาขาพืชสวน ถึง 2 ปีซ้อน

พี่เคี้ยงพาเราเข้าชมโรงเรือนปลูกผลไม้ปลอดสารพิษต่าง ๆ ตื่นตามากที่ได้เห็นพวงองุ่นที่ยังติดอยู่กับเถา หรือมะเขือเทศทานผลสดสายพันธุ์จากเนเธอแลนด์ แถมสองโรงเรือนนี้พี่เคี้ยง อนุญาตให้เราเด็ดชิมผลไม้ได้ตามใจ 

ส่วนที่ต้องยกให้เป็นไฮไลท์ของที่นี่ ก็คือโรงเรือนปลูกเมล่อน เขาจะปลูกทั้งหมด 4 สายพันธุ์  คือ จันทร์ฉาย และแสนหวาน (ตัดแล้วพักไว้ 7 วัน จะหวานสไตล์ญี่ปุ่น) จักรพรรดิ และไทเฮา ตื่นเต้นมากเพราะเพิ่งเคยเห็นผลเมล่อนสุกติดเครือห้อยระย้าเรียงรายเต็มโรงเรือน สวยงามมาก 

พอชมโรงเรือนปลูกผลไม้เสร็จ ก็เข้าไปเยี่ยมชมโซนซูเปอร์มาเก็ต ที่ขายผลิตผลปลอดสารพิษของทางฟาร์ม รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเมล่อน เช่น เมล่อนอบแห้ง สบู่และสครัปขัดผิวจากกากเมล่อนที่เหลือจากการทำน้ำเมล่อนสกัดเย็น เรียกได้ว่าเขาไม่ปล่อยให้เกิด Food Waste ทำลายโลก ขอปรบมือให้

พี่เคี้ยงพาเราไปสู่อีกโซนที่ชอบที่สุดนั่นก็คือ ร้าน “ชะแว้บ at เคียงบึงฟาร์ม”  เพราะตรงนี้คือส่วนร้านอาหารของทางฟาร์ม และมีอาหารอร่อย ๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยวหลากหลายเมนู 

ซิกเนเจอร์ของร้าน ก็ต้องยกให้สารพัดเมนูเมล่อน ทั้ง เมล่อนสดแช่เย็น ไอศกรีมเมล่อน สมู้ตธีเมล่อน ฮันนี่โทสต์เมล่อน ลอดช่องเมล่อน เมล่อนอบแห้ง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาถูกวางลงตรงหน้าให้เราลองลิ้ม เติมเมล่อนปลอดสารพิษเข้าสู่กระแสโลหิตแบบเต็มคาราเบล บอกเลยว่าใครที่ชอบกินเมล่อน หรืออยากได้ผลไม้ที่เป็นซูเปอร์ฟู้ดปลอดภัยกลับไปเป็นของฝากคนที่ฮักแพง ต้องปักหมุดแล้วหมุนล้อมาเบิ่งแยงมาอุดหนุนที่เคียงบึงฟาร์ม รับรองไม่ผิดหวัง

เคียงบึงฟาร์มเปิดเวลา 11.00 น. -21.00 น. ร้านอาหารจะหยุดทุกวันพฤหัสบดี แต่สามารถเข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มได้ โทรศัพท์สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 080 400 2297


จิบกาแฟที่ Dcraft.KKC Specialty Coffee ร้านกาแฟ Specialty แห่งแรกในหนองสองห้อง

ไม่ง่ายเลยที่จะเปิดร้านกาแฟสเปเชียลตี้ในอำเภอเล็ก ๆ แต่ Dcraft.KKC Specialty Coffee อาจหาญเปิดคาเฟ่นี้ขึ้นในหนองสองห้องเป็นแห่งแรก กลายเป็นผู้เปิดโลกแห่งคาเฟอีนให้กับคอกาแฟที่หนองสองห้องมาแล้ว 4 ปี

คาเฟ่เล็กสีขาวสไตล์มินิมอล ตั้งอยู่ใต้อาคาร Dome Residence.kkc ขนาดของร้านโซนแรกเล็กจ้อยก็เพราะแรกเริ่มเดิมทีคุณโดมและคุณผึ้งผู้เป็นเจ้าของ ตั้งใจจะให้เป็นแค่ร้านกาแฟแบบ Take Away เพื่อเติมเต็มโซนห้องพักให้มีชีวิตชีวา แต่พอเปิดปุ๊บกลับขายดี กลายเป็นคอมมูนิตี้ย่อม ๆ ของเหล่าคนรุ่นใหม่ในอำเภอ

เอิร์นพิยดาแพรไธสง บาริสต้าของร้าน เป็นหลานสาวของคุณผึ้งเจ้าของอาคาร เรียนจบด้านสาธารณสุขแต่ไม่ปลื้มงานตามสายที่จบมา จึงเปิดร้านกาแฟและทำมันด้วยแพสชั่น เธอชอบคุยกับผู้คนและอยากให้ร้านแห่งนี้ เป็นพื้นที่ให้ทุกคนเข้ามาแลกเปลี่ยนทุกข์สุขกันได้ เอิร์นเล่าถึง ecosystem ตลาดผู้บริโภคกาแฟในอำเภอนี้ให้ฟังว่า

“ช่วงแรกมีแค่เมล็ดกาแฟคั่วกลางกับคั่วอ่อน สักพักลูกค้าเริ่มถามหาคั่วเข้ม ก็ปรับตัวนำเมล็ดคั่วเข้มมาขาย พอรู้จักคุ้นเคยกับลูกค้า ก็เริ่มแนะนำให้ลองเมล็ดคั่วกลาง เขาก็เปิดใจลองชิม จนเดี๋ยวนี้เมล็ดคั่วกลางขายดีแล้วค่ะ”

เมล็ดกาแฟที่ร้านจะเลือกใช้เมล็ดไทยจากดอยสะเก็ตและปางขอน ส่วนซิงเกิ้ลออริจินก็จะมีทั้งของไทยและต่างประเทศ ให้เลือกสั่งเป็นกาแฟดริป หรือ อเมริกาโน่ เมนูเครื่องดื่มแนวครีเอทีฟดริงก์เธอก็คิดเอง 

ระหว่างคุยกับเอิร์น ก็จะมีลูกค้าแวะเวียนมาเรื่อย ๆ และแต่ละคนที่แวะมาคำถามแรกคือ “วันนี้มีเมล็ดอะไรบ้าง ?” บ่งบอกว่าสาวกคาเฟอีนของเมืองหนองสองห้องวันนี้ เขามีรสนิยมการกินกาแฟไม่ธรรมดา

นอกจากกาแฟแล้ว ทางร้านยังมีเบเกอรีขายด้วย เอิร์นเป็นคนทำเองแทบทั้งหมด เว้นบางรายการที่รับมาอย่างเช่น ครัวซองต์ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นความชอบส่วนตัวที่เอิร์นบอกกับเราว่า 

“เราอยู่มาด้วยแพสชั่นล้วน ๆ เลยค่ะ” ข้อความสั้น ๆ นี้กินใจ สมแล้วที่ยืนหยัดในหนองสองห้องมาได้ยาวนาน 

ร้าน D Craft Café by Dome Residence เปิดทุกวัน จ-ศ เปิด 07.30-18.00 น. ส-อ เปิด 08.30-ปิดแล้วแต่วัน โทร 081 846 4156 ซ.เจริญไทย 1


กรุ่นกลิ่นพิซซ่าเตาฟืนอิตาลีแท้สไตล์ Romana ที่ร้าน Pizzeria Solino พิซซ่าเตาฟืน

คิดไม่ถึงและอึ้งอยู่ เมื่อรู้ว่าหนองสองห้องมีผู้กล้าลงทุนเปิดร้านพิซซ่าเตาฟืน อิมพอร์ตวัตถุดิบทุกอย่างมาจากอิตาลี เตาที่ใช้ก็ว่าจ้างช่างมาจากภูเก็ตมาทำและใช้เวลาก่อสร้างถึง 3 เดือน มีดหั่นอาหารก็สั่งจากสวิสฯ เจ้าของร้านซึ่งเป็นคนคิดสูตรและเป็นเชฟเองด้วยคือชาวอิตาเลียนแท้ ที่พรหมลิขิตนำพาให้มาเป็นเขยหนองสองห้องจึงกล้าการันตีว่าพิซซ่าที่นี่เป็นเทสต์แบบอิตาลีร้อยเปอร์เซ็นต์ และ Khon Kaen Let’s Go เป็นสื่อแรกที่ได้เข้ามารีวิว บราโว่!

จากตัวอำเภอหนองสองห้อง ขับรถมุ่งหน้าตามถนนเจนจบทิศขาออกเหมือนจะไปบุรีรัมย์ สังเกตข้างทางจะมีป้ายบอกว่า “ถึงแล้วร้าน Pizzeria Solino พิซซ่าเตาฟืน” ก็ให้ตามไปแล้วคุณจะพบร้านพิซซ่าที่งามโดดเด้งจนน่าทึ่ง

ครอบครัวของ Maurizio Adamo เจ้าของร้านนี้เป็นชาวอิตาลี ที่เมืองชายฝั่งอมาลฟี (Amalfi Cost) บ้านเขาทำธุรกิจอาหารมายาวนานก่อนย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน ต่อมาได้พบรักกับ บุ๋มปุณยนุช สาวหนองสองห้อง เป็นเหตุผลให้กลับมาทำธุรกิจในไทย โดยเขาอยากให้ทุกคนได้กินพิซซ่าอิตาลีแท้ ก็เลยอิมพอร์ตวัตถุดิบมาจากอิตาลี่

พิซซ่าร้านนี้จะเป็นสไตล์ A la romana หรือ พิซซ่าแบบโรมัน ที่แป้งจะมีความบางกว่าแบบ Napoli ฟองอากาศในแป้งจะไม่มากเท่า เวลาหยิบแต่ละชิ้นแล้วพับครึ่งกินแป้งจะไม่ย้วยเหมือนสไตล์นโปลี ทางร้านมีหน้าพิซซ่าให้เลือกมากมาย แต่ตัว Top ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ก็ คือ Hose Pizza ชื่อเดียวกับร้านคือ Solino Pizza ที่จะใส่วัตถุดิบทุกอย่างที่มีทั้ง ไข่ ชีส อาร์ติโชคดอง แฮม ซาลามี่ หอมใหญ่ เห็ดแชมปิญอง อบในเตาฟืนไม้ยูคาจนสุกหอมกรุ่น

ตอนเขาอบพิซซ่าข้าพเจ้าก็ไปจอบเบิ่งใกล้ ๆ พออบเสร็จเขาก็ใช้ไม้แซะพิซซ่ามาวางลงบนตระแกรงที่รองบนถาด แล้วเมาริสิโอก็เชคถาดขึ้นลงในแนวระนาบกับพื้นเคาท์เตอร์ไปมา ก่อนเฉลยว่ามันคือเทคนิคของทางร้านที่จะช่วยให้ไอน้ำจากด้านล่างชิ้นแป้งพิซซ่าระเหยออกก่อนเสิร์ฟ จะได้ไม่คายน้ำและทำให้แป้งแฉะ โอ้โห ใส่ใจสุด ๆ ไปเลย

ก่อนกินเขาแนะนำให้โรยน้ำมันพริกและสมุนไพรที่ทำเองลงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสเผ็ด ซึ่งมันเลิศมาก รสเผ็ดของน้ำมันพริกแบบอิตาลีนี่ช่วยเพิ่มทั้งสีสันและรสชาติให้โดนใจ แป้งพิซซ่ากรอบนอกนุ่มในแต่ไม่ย้วยย้อย ชอบที่สุดก็คือกลิ่นหอมเบา ๆ ของไม้ที่ติดมากับขอบพิซซ่า และเครื่องสารพัดบนหน้าพิซซ่านั้นจัดเต็มกินแล้วเข้ากันสุด ๆ 

สาวอีสานอย่างคุณบุ๋มไม่ยอมแพ้คุณสามี กระซิบกับเราว่า “เมื่อวานเพิ่งลองทำพิซว่าหน้าส้มตำค่ะ” นี่ไงล่ะ มีความทวิสต์หนองสองห้องขอนแก่นกับอิตาลี  โดยแป้งพิซซ่าจะอบมาก่อนพร้อมชีส จากนั้นนำส้มตำปลาร้าแซ่บ ๆ นัว ๆ ราดลงไป ตกแต่งด้วยใบอิตาเลียนเบซิลหอม ๆ พอลองกินแล้วเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ 

กินคาวเสร็จคนอิตาลีเขาก็มีขนมหวานปิดท้าย บอกเลยว่า ทิรามิสุ และ พานาคอตต้า ของร้าน Solino คือเดอะเบสมาก พานาคอตต้านี่ใช้มาสคาโปนเน่ชีสแท้ ๆ ส่วนพานาคอตต้าของทางร้านคือครีมมี่และเนียนนุ่มละมุนลิ้น 

นอกจากบรรยากาศร้านที่มีให้เลือกหลายมุมแล้ว สิ่งที่เจ้าของร้านพราวลี่ทูพรีเซนต์มากที่สุดก็คือห้องน้ำ เขาใส่ใจเรื่องนี้มาก อยากให้ลูกค้ามีห้องน้ำสวย ๆ ดี ๆ ใช้ จึงลงทุนสั่งกระเบื้องหินอ่อนแท้มาประดับผนัง และติดแอร์เย็นฉ่ำ สะอาดสะอ้านสุด ๆ ดังนั้นนอกจากมาร้านนี้จะกินพิซซ่าของทางร้านแล้ว ก็อย่าลืมแวะเข้าไปเชคอินห้องน้ำด้วย

ทั้งความอร่อย และความใสใจในทุกดีเทล ต้องชื่นชมเจ้าของร้านมาก อีกอย่างที่ต้องลุกขึ้นปรบมือให้ คือการเป็นผู้กล้าเปิดธุรกิจร้านอาหารชั้นดี ให้คนในระดับอำเภอนี้ได้ลองลิ้ม เป็นการช็อกกิ้งเสปซเมืองที่ไม่แน่ว่าต่อไปอาจกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนในอำเภอกล้าทำอะไรใหม่ ๆ  ให้หนองสองห้องมีสีสันเพิ่มขึ้นอีกก็ได้

Solino Original Wood Pizza (Thailand) เปิดทุกวัน เวลา 11.00 น.-21.00 น. โทร.096 141 1630 หรือ 096 593 7926


อลังการฮูปแต้มอิมเพรชชั่นนิสต์แสนวิจิตรณวัดสระบัวแก้ว

คนที่เป็นสายชอบชมงานศิลปะตามโบราณสถาน ต้องไม่พลาดชมฮูปแต้มสุดอลังของวัดสระบัวแก้ว ที่สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2460 ตั้งอยู่ที่บ้านวังคูน ห่างจากตัวเมืองหนองสองห้องราว ๆ 5 กม. ที่มาของชื่อวัดนี้ก็เพราะตอนสร้างสิมเจ้าอาวาสให้คนขุดดินจากสระน้ำมาสร้าง ก็เลยได้ทั้งสระน้ำและได้ทั้งสิมเลยเป็นที่มาของชื่อว่า สระบัวแก้ว 

พอไปถึงวัด รถเลี้ยวเข้าไปจุดที่สิมตั้งอยู่จะมีรูปปั้นลิงจ๋อสีทองสองตัวคอยต้อนรับ พร้อมด้วยน้องอีกสองตัวไม่รู้ว่าคือตัวอะไร เดาว่าน่าจะเป็นสิงห์ไม่ก็มอม แล้วที่อึ้งที่สุดก็คือความงามของฮูปแต้มที่ฝาผนังด้านนอกของสิมแห่งนี้ที่ข้อมูลจากกลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ของสำนักศิลปากรที่ ๘  ขอนแก่น โดยวิโรฒ ศรีสุโร บอกว่า เป็นฝีมือช่างแต้มชาวบ้านที่ร่วมด้วยช่วยกันหลายคน โดยเนื้อหาของฮูปแต้มด้านนอกเป็นเรื่อง “พระลักพระลาม” หรือ พระรามชาดกนั่นเอง และยังผสมผสานภาพเชิงพุทธศาสนา เช่น ภาพพระมาลัยโปรดสัตว์นรก หรือวิถีชีวิตคนอีสานอีกด้วย

ส่วนด้านในสิมก็จะเป็นเรื่องพุทธประวัติ และ เรื่อง สินไซ บางตอน สีที่ช่างใช้จะเป็นสีฝุ่น และที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือ สีเหลืองที่ใช้ในฮูปแต้มนี้ เป็นการแทนค่าของสีทองที่ช่างต้องการแต้มลงไป 

เอาเป็นว่าจะมาหาข้อมูลสร้างแรงบันดาลใจ มาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ศิลป์อีสาน หรือมาถ่ายภาพกับฮูปแต้มสวย ๆ ของวัดแห่งนี้ไว้ลงเป็นภาพโปรไฟล์ส่วนตัวก็ต้องถูกใจและประทับใจเป็นแน่


ชมวิวทิวตาลซื้อลอนตาลออนริมถนนเจนจบทิศ

ตั้งแต่ปลายเมษายนถึงราว ๆ สิ้นเดือนมิถุนายน ต้นตาลโตนดจะติดผลอ่อนพอดีกิน ริมถนนเจนจบทิศ จากหนองสองห้องไปแยกทางพาด สู่บุรีรัมย์ ชาวบ้านจะตั้งแผงเฉาะลอนตาลแพ็กใส่ถุงขายกันถูก ๆ 3-4 ถุงร้อยเดียว

พี่คนขายลอนตาลเปิดคอร์สรู้จักตาล 101 กันแบบเร่งด่วน ว่า ตาลมีสองแบบ เรียก “ตาลงัว” เพราะผิวลูกตาลจะมีสีเขียวเจือแดง ๆ คล้ายสีแดงของวัว ซึ่งคาดว่าภาคกลางคงจะเรียกว่า “ตาลไข่” ส่วนอีกชนิดที่เรียกเหมือนกันทั้งลาวและไทย ก็คือ “ตาลหม้อ” มาจากสีของผลตาลที่จะมีสีดำเหมือนก้นหม้อนั่นเอง เล่าเสร็จพี่เขาก็ยื่นลอนตาลอ่อนที่เพิ่งเฉาะออกจากผลให้ชิม และแนะนำให้กินทั้งกะลาอ่อนรสฝาดนิด ๆ ไปเลย เพราะโบราณเขาสอนกันมาว่าถ้ากินลอนตาลอ่อนทั้งกะลาอ่อนหุ้มจะช่วยให้ท้องไม่เสีย 

กระซิบว่าถ้าแวะซื้อลอนตาลร้านไหน ให้ลองถามว่ามีน้ำลูกตาลอ่อนขายด้วยไหม (ส่วนใหญ่จะมีขายตามร้านที่เป็นเพิงใหญ่สักหน่อย) เพราะชาวบ้านที่ปอกตาลเขาจะทำขายกันด้วย แต่ละเจ้าก็จะมีสูตรต่างกันไป บ้างก็ใช้ลอนตาลที่แก่หน่อยหรือที่เรียกว่าเนื้อตาลแบบ “หนังหมู” มาทำ บ้างก็ใช้ลอนตาลอ่อน ๆ นิ่ม ๆ เป็นของอร่อยต้องลอง

ชิมสาโทตาลอ่อนทางพาดในตำนานช็อปของดีทางพาดไม่ควรพลาด
ที่สาโทแลนด์ตะเข็บชายแดนขอนแก่น

ฟีลม่วน ๆ เมื่อได้ไปยืนตรงเส้นกลางถนนสุดเขตขอนแก่น ที่ ต.ดงเค็ง อ.หนองสองห้อง หรือหลายคนเรียกว่า แยกทางพาด เพราะมันคือตะเข็บชายแดนระหว่างจังหวัดขอนแก่นและบุรีรัมย์ ที่แค่กระโดดข้ามเส้นก็ข้ามสู่อีกจังหวัด

สมมติว่าเรายืนตรงเส้นถนนแบ่งตะเข็บชายแดนแล้วเดินมาฝั่งขอนแก่น ก็จะเจอร้าน “สาโทแลนด์ ดินแดนไวน์ วิสาหกิจชุมชนอมราสาโททางพาด” ของพี่อ้อยนัษฎาพรจอดนอก ทีเด็ดที่นี่เขามีสาโทหลายสิบรสชาติให้เลือกชิมก่อนเลือกซื้อ ชิมไปชิมมาเริ่มรู้สึกมึน ๆ จึงได้ข้อสรุปว่า “สาโทตาลอ่อน” คือเดอะเบสของข้าพเจ้า กลิ่นหอมลูกตาลอ่อนและรสหวานของสาโทจะกำซาบทั่วปากโดนใจเป็นที่สุด เลยสอยมาลังนึง 11 ขวด เขาจะแถม 1 ขวด 

พี่อ้อยเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนบ้านเป็นชาวนา แต่ว่าไม่ได้นางเรียนจบวิศวะฯเด้อ และสวมจิตวิญญาณ “PR ทางพาด” ทำเพิงขายของดีของฝากของแยกทางพาดให้ผู้คนได้รู้จัก มีทั้ง ข้าวแต๋นล้อเกวียน ข้าวโป่ง ลอนตาลอ่อน และไปรับสาโทบุรีรัมย์ยี่ห้อ “อมราสาโท” ของคุณอมรา ซึ่งทำสาโทถูกกฎหมายมาขาย ปรากฏว่าขายดิบขายดี ฮิตติดปากลูกค้าว่า “สาโททางพาด” ต่อมาคุณอมราเจ้าของตำรับสูงวัยขึ้นจะเลิกทำ พี่อ้อยก็เลยไปขออนุญาตรับช่วงมาทำขายต่อตามสูตรและตำรับเดิม แล้วค่อย ๆ เพิ่มเติมวาไรซ์ตี้ตามความสนุก 

เบสสาโทของที่นี่ทำจากข้าวสามชนิดมีข้าวเหนียวดำข้าวเหนียวขาวข้าวหอมมะลิข้าวแต่ละชนิดจะให้รสชาติต่างกันไปและชุมชนเรามีลูกตาลอ่อนขายเป็นของดีพี่ก็เลยทดลองทำสาโทลูกตาลอ่อนซึ่งก็ได้ผลตอบรับดีมากนอกจากนี้การทำสาโทพี่ยังคิดต่อไปว่าจะนำเอาข้าวพื้นเมืองมาทดลองทำเพื่อเป็นการช่วยอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองด้วยกากสาโทของเราก็ไม่ทิ้งแต่พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ความงามอย่างสบู่กากสาโทน้ำนมข้าววางขายด้วยสาโทของเราได้ขึ้นทะเบียนเป็น OTOP 2 ดาวด้วยนะคะ

นอกจากสาโทแล้ว ที่สาโทแลนด์ยังมีของดีอีกหลายอย่างของทางพาดขายให้ได้ลองลิ้ม ซึ่งพี่อ้อยเธอพราวทู พรีเซนต์อาสาอยากพาเราไปชมวิธีทำของดีทางพาดถึงแหล่ง เจ้าบ้าน PR. มาขนาดนี้มีหรือจะขัดศรัทธา 

จุดแรกเลยแค่ข้ามเส้นถนนคั่นตะเข็บชายแดนไปอีกฝั่งบุรีรัมย์ก็จะเจอ พี่ฝนสิริรัตน์ศิลประกอบ นั่งแพ็กขนม นางเล็ดล้อเกวียน สีเหลืองและสีม่วงที่เธอทำเองใส่ถุง ปรกตินางเล็ดทั่วไปก็จะแค่เป็นแผ่นข้าวทอดกลมแบนแล้วโรยน้ำตาล แต่นางเล็ดของดีทางพาดเขามีลายเซ็น คือ ขอบของชิ้นข้าวทอดนางเล็ดจะยกสูงขึ้นเหมือนขอบถ้วย พี่ฝนบอกว่าทำขายมา 30 ปีแล้ว เป็นสูตรดั้งเดิมของย่าที่ทำขายมาก่อน 

“เมื่อก่อนที่ย่าทำแกจะทำเป็นแผ่นกลมและขอบไม่ได้สูงขนาดนี้ แต่พัฒนาชุมชนมาช่วยเราออกแบบและให้คำแนะนำว่า น่าจะทำให้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจะได้เป็นที่จดจำ ก็เลยเพิ่มความสูงของขอบขึ้นมา” พี่ฝนขอบอก

จากบ้านทำนางเล็ด พี่อ้อยกับแฟนขับมอเตอร์ไซค์นำเราเข้าหมู่บ้านไปอีกนิดเพื่อไปชมบ้านที่ทำข้าวโป่ง อีกหนึ่งของดีทางพาด ไม่นานนักเราก็ไปถึงบ้านทำข้าวโป่งแบรนด์ “ข้าวโป่งศรีจันทร์” ซึ่งพี่เปรมปรีศรีจันทร์ และลูกชายกำลังนั่งปิ้งข้าวโป่งกันดูน่าสนุกมาก เพราะจากแผ่นข้าวแห้งแบน ๆ พอถูกไฟก็พองใหญ่ขึ้นเป็นแผ่นใหญ่ 

พี่เปรมปรีเล่าให้ฟังว่า คนในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่เป็นคนโคราชที่ติดกับบุรีรัมย์ หรือ ไทเดิ้ง และทำข้าวโป่งนี้กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ปรกติจะทำเฉพาะเทศกาล เช่น ช่วงทำบุญข้าวจี่เดือนสาม (กุมภาพันธ์) แต่บ้านพี่เปรมปรี นี่ทำขายประจำเป็นอาชีพ มีส่งขายออนไลน์ด้วยนะ ทันสมัยสุด ๆ  ว่าแล้วนางก็พาเราไปชมวิธีทำแผ่นข้าวโป่งอีกด้วย 

ส่วนผสมของแผ่นแป้งทำจากข้าวเหนียวนึ่งสุกนำมาตำกับน้ำตาลปี๊บ น้ำซาวข้าว และงา จนเนียนละเอียดเหมือนโมจิ ทีนี่เขาจะไม่ใส่รากของต้นตดหมูตดหมา (กระพังโหม) เหมือนที่อื่น จากนั้น ก็นำไข่แดงต้มสุกมาบี้ผสมกับน้ำมันปาล์มให้เข้ากัน ไว้ใช้ทามือและอุปกรณ์คลึงกันแป้งติดมือ 

ทีนี้ก็ทามือด้วยไข่ผสมน้ำมัน แล้วไปเด็ดข้าวตำนั้นเป็นก้อนกลม วางลงบนแผ่นพลาสติกสีดำที่ทาด้วยน้ำมัน

ผสมไข่ แล้วใช้ขวดที่ทาด้วยน้ำมันผสมไข่ ค่อย ๆ คลึงข้าวตำให้แผ่ออกเป็นแผ่นบาง ก่อนนำไปคว่ำลงบนเสื่อ แล้วลอกแผ่นพลาสติกออก ทำแล้วนำไปตากต่อจนแห้ง แล้วนำไปแพ็กขาย หรือนำไปย่างขาย เป็นอันเสร็จสิ้น

ใครแวะเวียนมาแยกทางพาดแล้วอยากเที่ยวอยากชิมของดีที่เล่ามา หรือสนใจสาโททางพาดแสนอร่อย โปรดติดต่อพี่อ้อย ที่เบอร์โทร 086 625 5115 ได้เลย รับรองว่าจะประทับใจกับ Service Mind ที่เธอมอบให้ด้วยสุขใจ


เที่ยวช็อปตลาดเย็นวันเสาร์หนองสองห้อง

ทุกเย็นวันเสาร์ตั้งแต่บ่ายสามโมง หน้าโลตัสจะมีตลาดนัดวันที่เหล่าประชาชนคนหนองสองห้องมาจับจ่ายใช้สอยกัน  ข้าวข้องเครื่องใช้เสื้อผ้ามีวางขายมากมายตามสไตล์ตลาดนัดระดับอำเภอย่อม ๆ แต่ที่เห็นว่าเด่นสุดสะดุดตา ก็คือวัตถุดิบอาหารที่น่าสนใจ ทั้งปูดำสด ๆ จากจันทบุรี สะตอ เขียดแห้ง ปลาสดทั้งจากแหล่งน้ำในพื้นที่ และที่รับมาจากเขื่อนอุบลรัตน์ สิ่งที่ทำให้ยกโทรศัพท์ขึ้นมาสแกนจ่ายเงินก็คือ “ปลาช่อนนาย่าง” ที่พ่อค้าการันตีว่าเป็นปลาช่อนจากหนองสองห้องและนำมาย่างไฟอ่อนจนเป็นสีเหลืองทองสุกรอบ ราขายน่ารักจานละร้อย ได้ปลาช่อน 4 ตัว เลยสอยมาหนึ่งจานเก็บไว้ทำน้ำพริกปลาย่างกิน

เดินเข้าโซนในตลาด เต็มไปด้วยของปรุงสุกพร้อมกิน เสื้อผ้า เครื่องประดับ นับว่าเป็นตลาดที่รวมคนหนองสองห้องให้มาจับจ่ายใช้สอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจกันทุกวันเสาร์ที่นักท่องเที่ยวอย่างเราเมื่อแวะมาเยือนก็ม่วนใจใช้ได้

ถ่ายคอนเทนต์เสร็จ ข้ามถนนกลับมาที่รถ หันกลับมาถ่ายภาพกว้างด้านหน้าตลาดเสร็จปุ๊บ ฝนก็โปรยลงมาทันที นี่แอบนึกเห็นใจพ่อค้าแม่ขายมาก ๆ และอีกใจหนึ่งก็นึกถึงคำอธิษฐานที่เราไหว้พระขอพรที่วัดเกาะสะอาดว่า ขอให้ฝนไม่ตกจนกว่างานจะแล้วเสร็จ นึกถึงตรงนี้แล้วได้แต่ทึ่ง ตรงเวลาพอดิบพอดี จนต้องยกมือสาธุขึ้นท่วมหัว ก่อนหมุนล้อบ่ายหน้าบอกลาอำเภอที่น่ารักแห่งนี้

หนองสองห้องเป็นอำเภอที่ต้องตั้งใจมาเยือน เพราะการคมนาคมขนส่งสาธารณะนั้นมีไม่มาก แต่ก็อย่างที่ชูให้เห็นว่า อำเภอตะเข็บชายแดนของขอนแก่นนี้ มีดีกว่าที่คิด และไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงทางผ่านไปสู่จังหวัดอื่นอีกต่อไป ซึ่งเราได้ไกด์ไว้แล้วถึง 9 ซิกเนเจอร์ของดีหนองสองห้อง อยากให้ทุกคนเปิดใจลองมาสัมผัสอำเภอเล็ก ๆ แห่งนี้ดูสักครั้ง เชื่อว่าเสน่ห์ของหนองสองห้องจะประทับอยู่ในห้องใจของทุกคนอย่างเต็มตื้นแน่นอน


ขอบคุณ : คุณ ภัณฑิลา ใจอารี ร้านเสื้อผ้าทำงน Magic Beauty เอื้อเฟื้อข้อมูลนำเที่ยว  และขอบคุณความน่ารักของชาวหนองสองห้องทุกคนที่ต้อนรับทีมงานอย่างอบอุ่น


เรื่อง : สิทธิโชค ศรีโช  ภาพ : กานต์ ตำสำสู

Share :