
พล อำเภอชื่อเท่ มีที่มาจากการตั้งค่ายพักไพร่พลของทัพพระยาจักกรี ก่อนเดินทางไปทำศึกต่อที่เวียงจันทร์ ต่อมากลายเป็นที่ตั้งบ้านเรือนของชาวบ้านในนาม “บ้านเมืองพล” แล้วกลายเป็น “อำเภอพล” หรือที่เรียกติดปากกันว่า “เมืองพล” ในวันนี้ เทศบาลเมืองเมืองพลเพิ่งคว้ารางวัลอันดับ 1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดดเด่น ประเภทองค์กรขนาดใหญ่ ปี 2568 ซึ่งเชื่อว่าภายใต้ความสำเร็จของรางวัล ต้องมาจากการร่วมมือร่วมใจของทั้งผู้นำ หน่วยงานราชการแล้ว ภาคเอกชน และพลเมืองของชาวเมืองพลเป็นแน่ ข้อสันนิษฐานนี้ไม่ได้กล่าวขึ้นลอย ๆ หากแต่มีเค้าความจริงเมื่อได้ไปเยือน และพูดคุยกับคนเมืองพล
ครั้งนี้เรามาเยือนเมืองพลแบบพักค้างคืน ก่อนเตร็ดเตร่ตระเวนเที่ยวรอบเมืองพล เพื่อสัมผัสว่าอำเภอนี้มีทีเด็ดอะไรอีกบ้าง และได้คำตอบว่า นอกจากหม่ำ กับตำนานคมแฝกในละครแล้ว เมืองพลมีทั้งอาหารอร่อย อีเวนต์ประจำเดือนที่จัดแบบร่วมสมัย สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติใกล้เมือง Wellness Center ระดับพรีเมี่ยม สเปซและคอมมูนนิตี้ที่น่าสนใจ แต่ที่โดดเด่นได้ใจที่สุดคือคนเมืองพลนั้นเปี่ยมฝัน บ้างมีฝันเล็ก ๆ แค่พออยู่พอกินอย่างมีความสุข บ้างฝันใหญ่อยากพัฒนาบ้านเกิดให้เจริญ บ้างประคับประคองความฝันเพื่อไปถึงวันสุดท้ายให้ดีที่สุด แต่ไม่ว่าจะฝันอย่างไร พวกเขาไม่ปล่อยให้ฝันเหล่านั้นอยู่แค่ในจินตนาการ แต่ทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างน่าชื่นชมจริง ๆ
นี่คือเรื่องราวเรื่องราวดี ๆ ของอีกอำเภอหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ที่ Local Insider อยากชวนคุณมารู้จัก และปักหมุดมาเยือน เพื่อเติมเต็มความฝันในใจไปกับพลเมืองของเมืองพลแห่งนี้กัน
ลิ้มรสสตูลิ้นหมูสไตล์จีนไหหลำ ร้านโกตา

จากสถานีรถไฟอำเภอพล เดิมข้ามถนนมา จะถึงร้าน “โกตา” บรรยากาศภายในร้านสะอาดสะอ้านเงาวับ นี่แหละคือร้านอาหารจีนไหหลำของเมืองพล ที่เปิดมายาวนานกว่า 60 ปี และน่าจะมีเหลืออยู่ไม่กี่ร้านในจังหวัดขอนแก่น
อมร อาคมอิสราวัฒน์ อายุอานามปีนี้ 66 ปี ออกมาต้อนรับลูกค้าด้วยตัวเอง เขาเล่าให้ฟังว่าเกิดมาอาเตี่ยก็ทำอาหารขายแล้ว และขายดิบขายดี ถึงขั้นวันละเจ็ดพัน วันละหมื่นก็ทำยอดได้ ต่างจากทุกวันนี้ที่เงียบเหงาซบเซาลง

“เมื่อก่อนร้านเราชื่อ ‘อาวเฮงหลีโกตา’ อาวเฮงหลี เป็นชื่อก๋ง ส่วนโกตา คือชื่อพ่อผม ก๋งมาจากเกาะไห่หนาน ที่คนไทยเรียกว่าไหหลำ นั่งเรือขึ้นท่าที่กรุงเทพฯ แล้วก็นั่งรถไฟมาตั้งรกรากที่เมืองพล แต่ก่อนร้านเราขายดีมาก เพราะร้านค้ามีไม่เยอะเหมือนทุกวันนี้ บางทีวันละเจ็ดพัน วันละหมื่น ก็ทำยอดได้นะ ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้เงินหายากใช้ง่าย
“สมัยก่อนเมนูขายดีก็เป็นพวก กระเพาะปลาผัดแห้ง สุกี้แห้ง สุกี้น้ำ สูตรไหหลำ เมื่อก่อนสุกี้ขายดีเพราะคนจีนเยอะ น้ำจิ้มสุกี้เราทำเองเป็นสูตรเต้าหู้ยี้ แล้วก็มีกะเพราเนื้อ ใช้เนื้อสันในมาบดและผัด จะนุ่มไม่เหนียว และกะเพราของเรายังทำแบบดั้งเดิมคือ ผัดใส่ซีอิ๊วดำ ใส่พริกเผา ใส่ซีอิ๊วขาว ไม่ใส่น้ำตาล และไม่ใส่น้ำมันหอยเหมือนที่หลาย ๆ ร้านทุกวันนี้ทำกัน นอกจากนี้ก็มีสตูลิ้น สมัยก่อนใช้ลิ้นวัว แต่เดี๋ยวนี้ปรับมาใช้ลิ้นหมู เพราะลิ้นวัวหายากและทำยากมันค่อนข้างเหนียว”
อาหารร้านนี้มีความกุ๊กช็อปเบา ๆ เพราะมีอาหารฝรั่งที่คนจีนทำอย่าง สลัด สตู เสิร์ฟในร้านด้วย ครั้งนี้ก็เลยเลือกสั่งอาหารมาลองชิม 3 เมนู บอกเลยว่าถูกใจถูกปากคนยุค 80 มาก โดยเฉพาะสลัดกุ้งทอดนี่ remind วัยเด็กสุด ๆ เพราะกุ้งที่เสิร์ฟมาจะชุบแป้งทอดแบบบวม ๆ เหมือนในโฆษณาแป้งโกกิ กรอบนอกนุ่มใน แล้วเคียงมาด้วย หอมใหญ่ มะเขือเทศ ผักกาดหอมจีน น้ำสลัดก็เป็นแบบดั้งเดิมที่ใส่มัสตาร์ดและนมข้น มันคือรสชาติอาหารจีนแห่งความทรงจำ กะเพราเนื้อของร้านนี้ผัดมาแห้ง ๆ แต่เนื้อนุ่ม รสเข้มข้น ส่วนนางเอกของวันนี้ยกให้ สตูลิ้นหมู เคี่ยวมากับซอสจนลิ้นหมูนุ่ม ใส่ถั่วลันเตา แคร์รอต และหอมใหญ่ รสชาติเปรี้ยวหวนกลมกล่อม





ลุงอมร บอกกับเราว่า อาจจะเปิดร้านนี้อีกไม่นานแล้ว เพราะเศรษฐกิจซบเซา คนที่กินอาหารจีนแบบเดิม ๆ ก็หายากเต็มที คนรุ่นใหม่ก็กินกันไม่เป็น เลยอาจยืนระยะต่ออีกไม่กี่ปี เพราะที่สำคัญลุงแกบอกว่าตนเองไม่มีหนี้มีสินอะไร ลูกเต้าก็มีงานทำมั่นคงหมดแล้ว ที่เปิดร้านอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้มีอะไรทำคลายเหงาเท่านั้น เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากพลาดรสชาติอาหารจีนแบบย้อนเวลา อย่าลืมมาอุดหนุนร้านโกตากันได้ทุกวัน (หยุดเฉพาะมีธุระ) ตั้งแต่ 08.00 – 17.00 น. โทร. 043414654
ฟังตำนานคมแฝก จิบน้ำมะนาวดองเย็นสดชื่น ร้านเมืองพลโอชา
อิ่มท้องจากอาหารจีนไหหลำร้านโกตา เดินเล่นเตร็ดเตร่ยามเช้าที่ย่านเก่าอย่างตรอกเฉลิมพล ตึกไม้เก่า ๆ คือบรรยากาศที่ปะทะสายตาของเรา ก่อนที่ภาพคุณป้าร่างท้วมในร้านหัวมุมถนนดูเก่าแก่เข้มขลัง กำลังชงกาแฟโบราณจะดึงความสนใจให้เข้าไปเยือน และได้รู้ว่านี้คือ “เมืองพลโอชา” สภากาแฟเก่าแก่ที่อยู่คู่กับย่านเมือง ป้าบี๋ นฤมล นฤนารถวัฒนา (แซ่กอ) เจ้าของร้าน หน้านิ่ง แต่จริง ๆ พอได้พูดคุยก็รู้ว่าแกอารมณ์ดี คือผู้ที่ยืนหยัดชงกาแฟให้ลูกค้าผู้มาเยือนลิ้มลอง


“ร้านขายมานานนะ น่าจะ 60 ปี ตั้งแต่สมัยเตี่ย เตี่ยเป็นคนแต้จิ๋ว นั่งสำเภามาจากเมืองจีน เมื่อก่อนคั่วกาแฟเอง แต่เดี๋ยวนี้ทำไม่ไหว เลยใช้กาแฟสำเร็จรูปแทน สมัยก่อนย่านเฉลิมพลคึกคัก เมืองพลอยู่ตรงนี้ เพราะติดสถานีรถไฟ มีโรงหนังเฉลิมพล มีตลาด แล้ววัยรุ่นก็มาไล่ตีกัน ที่เขาเอาไปแต่งเป็นเรื่องคมแฝกนั่นแหละ สถานีตำรวจก็อยู่ตรงนี้ ก็ไล่จับกันไป
“พอเราโตขึ้น พวกวัยรุ่นที่เคยตีกันเขาก็แก่ตัวลง ยังเคยได้ยินเวลามานั่งกินกาแฟที่ร้านแล้วบอกว่า ‘เมื่อก่อนมึงตีกู กูตีมึง’ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนกันหมด คมแฝกสมัยก่อนเป็นไม้หน้าสามธรรมดานี่แหละ”
ป้าบี๋ยังบอกอีกว่า ทุกวันนี้ย่านเฉลิมพลซบเซามาก เพราะเมืองขยายออกไปโซนอื่น คนไม่สัญจรด้วยรถไฟกันเยอะเหมือนเคย โรงหนังเฉลิมพลก็ทุบทิ้งไปแล้ว เหลือไว้ให้ดูต่างหน้าแค่ม้าหินอ่อนหนึ่งตัว ระหว่างนั่งฟังป้าบี๋เล่าถึงความหลัง เหลือบไปเห็นไหดองมะนาว วางเรียงรายอยู่จึงถามไถ่ ป้าบี๋ตอบทันใด
“ใช่ ๆ เป็นมะนาวดองสูตรอาม่า ตอนแรกว่าจะไม่ทำขายแล้วแต่คนติดใจกัน บอกของเราต้มแล้วไม่ขม ก็เลยยังทำขายอยู่ เมื่อก่อนที่ร้านขายน้ำชงแล้วหาบ๊วยดองไม่ได้ อาม่าก็เลยดองมะนาวมาใช้ชงแทนบ๊วย เป็นน้ำมะนาวดองเย็นขาย”
ได้ยินดังนั้นมีหรือจะพลาดลอง ซึ่งต้องบอกว่าน้ำมะนาวดองเย็นร้านป้าบี๋มันดีงามมาก หอม และไม่ขมเลยสักนิด แรก ๆ กินแล้วก็กลัวใจอยู่ว่าจะท้องเสียไหม แต่ทดลองแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปลอดภัย อันนี้คืออันซีนที่อยากแนะนำให้ลอง




ร้านป้าบี๋อยู่ตรงข้ามกับร้านเฉลิมพลนมสด ใกล้สถานีรถไฟ หาง่าย สไตล์ร้านอาจจะฝุ่นเยอะและรุงรังไปบ้าง แต่ยังมีกลิ่นอายจาง ๆ ของเมืองพลให้เข้าไปดื่มด่ำได้ ร้านเปิด 06.00 – 12.00 น. แต่ถ้าวันไหนมีถนนคนเดินเมืองพล ตรงโซนเฉลิมพล ป้าบี๋จะทำขนมเบื้องญวณขายด้วย อุดหนุนกันได้ โทร. 084 515 2902
ชิมคัสตาร์ดเค้กโบราณ & ช็อปถ้วยจานแอนนาเมล ณตลาดสดเทศบาลเมืองพล

ยังเช้าอยู่ เราก็เลยไม่พลาดไปเดินตลาดสดเทศบาลอำเภอพล บรรยากาศตลาดเช้าจะคึกคักเป็นพิเศษ โดยตลาดจะแบ่งอาคารออกเป็นหลายหลังเชื่อมต่อกัน มีทางเข้าสี่ทิศ แต่ละโซนก็จะแบ่งประเภทร้านรวงกันไป และจะมีร้านรวงรายล้อมและตั้งอยู่ในพื้นที่ตลาดด้วย ตรงนี้เองที่ทำให้เราได้เห็นขนมฝักบัวทอดใหม่ ๆ ร้อน ๆ ขอบกรอบ ๆ ตัวขนมข้างในนิ่ม ๆ และได้ลิ้มลองคัสตาร์ดเค้กที่ไม่ได้กินนานมากแล้ว ว่ากันว่าร้านนี้คือแรร์ไอเท็มเจ้าเก่าแก่ของคนเมืองพลที่ถ้าได้ลองลิ้มจะถือว่ามาถึงเมืองพลอย่างแท้ทรู แถมยังไปเจอร้านขายถ้วยจานเคลือบอีก ถูกใจคนรักเครื่องครัวสุด ๆ
เริ่มกันที่จุดแรกก่อนนั่นคือร้าน นครพลเบเกอรี่ ร้านเบเกอรี่โบราณของคนเมืองพล
“อย่าเอาอะไรไปลงเยอะนะ ร้านเราไม่ค่อยสวย” อาเจ๊ ธัญนันท์ ตันติธีระพัฒน์ อายุ 70 ปี เจ้าของร้าน รีบออกตัว เรากก็เลยขออนุญาตเล่าถึงสักนิด เพราะขนมอาเจ๊อร่อย ราคาไม่แพง ไม่แนะนำไม่ได้ อาเจ๊เล่าว่าเพราะมีบ้านอยู่ที่ กทม. และเป็นคนชอบทำขนม เลยวนเวียนไปเรียนทำขนมที่ UFM บ้าง ไปเรียนกับอาจารย์ยิ่งศักดิ์บ้าง แล้วนำมาปรับทำขนมขายที่เมืองพล สมัยก่อนคึกคักขายดี แต่พอเมืองเปลี่ยนไป จึงเน้นขายเครื่องสังฆภัณฑ์เป็นหลัก แต่ก็ทำขนมวางขายพอให้ไม่ลืมวิชา



คัสตาร์ดเค้ก คือสิ่งที่ถ้าเจอต้องรีบหยิบ เพราะเนื้อเค้กเนียนนุ่มดุจแพรไหม หน้าเค้กเป็นคัสตาร์ดที่หอมกลิ่นคาราเมล ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าใหญ่ ๆ ขายเพียงก้อนละ 30 บาท และก็ยังมีขนมเปี๊ยะที่ปั๊มตรานครพลตรงหน้าขนมเป็นการแบรนด์ดิ้ง มีไส้ถั่วล้วน และถั่วฟัก ให้เลือกตามชอบ
ร้านนครพล ตั้งอยู่ในซอยเสริมสวาสดิ์ 8 ปากทางเข้าตลาดสดเทศบาลเมืองพล ไม่มีเบอร์โทร ร้านจะเปิดประมาณเวลา 06.00 น. ปิดราว ๆ 17.00 น. ใครอยากกินต้องเสี่ยงไปตามหา วันโกน จะย้ายไปขายตรงด้านหลังร้านแทนหน้าร้านจ้า
ซื้อเค้กกับขนมเปี๊ยะเสร็จ เราเดินเตร็ดเตร่ชมตลาด เข้าซอกนั้นออกซอยนี้ไปเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่ร้าน ราชาภัณฑ์เพราะนี่มันคือสวรรค์ของคนรักเครื่องครัวยุคคุณยายชัด ๆ โดยมีภาพกองถ้วยจาน และหม้ออวยเคลือบแอลนาเมล ที่วางขายเป็นเครื่องยืนยัน ก็เลยจัดมาทั้งจานเคลือบสีขาวใบเล็กขอบสีเขียวพาสเทล และหม้อเขียว ซึ่งเขียวอย่างหลังนี้คือ สีรอแยลบลูของคนรุ่นใหม่ ที่คนสมัยยุคเบบี้บูมเมอร์นิยามว่ามันคือสีเขียว รวมถึงชามอ่างสีเขียวไข่กาเรียงมาสามไซส์

อาเจ๊เจ้าของร้านบอกว่าเดิมร้านนี้ขายเสื้อผ้ามาก่อนตอนปี พ.ศ.2518 แล้วปรับมาขายเครื่องครัวตอนปี พ.ศ.2520 พอได้ยินเลขพอศอแอบตกใจเพราะผมเองยังเกิดไม่ทันด้วยซ้ำ นับว่าร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ของทีเดียว
ระหว่างคิดเงินอาเจ๊บอกว่าอาจจะเปิดร้านนี้ไปอีกไม่นานแล้ว เพราะอาเฮียเจ้าของร้านเพิ่งเสียไป (ในคลิปเราไปถ่ายทำไว้ก่อน ที่จะไปเยือนอีกครั้งเลยยังทันได้เห็นอาเฮียเจ้าของร้าน) นี่แหละหนอสัจธรรมชีวิต
ใครที่รักเครื่องครัว และเป็นนักสะสม หรือกำลังตามหาสมบัติบ้าเพิ่มเติม โดยเฉพาะภาชนะเคลือบ ไม่ควรพลาดมาเยือน ร้านราชาภัณฑ์เปิดทุกวัน เวลา 05.00 – 17.00 น. หยุดเฉพาะเวลามีธุระ ตั้งอยู่โซนในตลาด ทางเข้า ซ.พานิชเจริญ
เราเดินออกจากตลาด เพื่อเที่ยวกันต่อตรงย่านเศรษฐกิจของเมืองพลที่ไม่ไกลกัน ตรงนั้นมีร้านอาหารเก่าแก่หลายร้าน เช่น ก๋วยเตี๋ยวร้านจึงบริการ ขนมไข่หงส์เจ้าคุณ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อบุญชู ฯลฯ ซึ่ง Khon Kaen Let’s Go เคยพาไปเที่ยวชิมกันแล้ว ตรงนี้จึงไม่ขอรีวิวซ้ำ แต่เชิญไปตำกันได้เลย
ชมวิวละเลิงหวาย มูขอพรศาลเจ้าพ่อ

ไหน ๆ คืนนี้จะค้างคืนที่เมืองพล ถัดจากเดินตลาดเราก็เลยถือโอกาสไปไหว้เจ้าพ่อละเลิงหวาย เพื่อขอพรกัน บึงละเลิงหวาย เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่กลางเมือง ซึ่งด้วยทำเลอันอุดมสมบูรณ์นี้เอง ทำให้กองทัพของเจ้าพระยาจักรี เลือกหยุดแวะพัก ณ จุดนี้ ก่อนจะเคลื่อนพลต่อ
ศาลเจ้าพ่อละเลิงหวาย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเคารพบูชาของคนเมืองพล มีตำนานเล่าว่า เจ้าพ่อละเลิงหวายนั้นอดีตชาติเป็นหัวหน้าหมู่ทหารผู้ซื่อสัตว์ เด็ดเดี่ยว กล้าหาญ แต่มีเมตตามาก เมื่อตายไปจึงกลายเป็นเทวดาปกปักรักษาลูกหลานชาวเมืองพล มีเรื่องเล่ากันว่าท่านเคยจำแลงตนเป็นเต่าตัวใหญ่ เดินขึ้นจากบึงละเลิงหวาย ไปยังสถานีรถไฟเมืองพล และนับจากนั้นก็ไม่มีใครเคยเห็นเต่าใหญ่ตัวนั้นอีกเลย คนเมืองพลเมื่อกลับบ้านมาก็มักจะมากราบไหว้ขอพรกันเสมอ

และบึงละเลิงหวายนี้ พอถึงฤดูหนาว กลุ่มคนรุ่นใหม่ในเมืองพล ก็จะช่วยกันจัดเทศกาลฤดูหนาวเพื่อชมพระอาทิตย์ตกริมบึงกัน พร้อมกับตลาดงานคราฟต์ อาร์ตเลนส์ และของกินของอร่อยมากมายให้เลือกดื่มด่ำกันตามอำเภอใจ
ไทยเนื้อดี by Arnon Farm ฟาร์มฝันที่อยากให้คนเมืองพลสุขภาพดี และมีงานทำ
เที่ยงแล้วเริ่มหิว เราเลือกขับรถออกจากเมืองพลประมาณ 9 กม.แล้วยูเทิร์นมาฝั่งถนนมิตรภาพขาเข้ากรุงเทพ ฯ จะเห็นรั้วคาวบอยสีขาวพร้อมทุ่งหญ้าสีเขียว ปักป้าย Arnon Farm ซึ่งด้านหน้ามีร้านอาหาร “ไทยเนื้อดี” ที่เราตั้งใจจะฝากท้อง

นี่คือฟาร์มปศุสัตว์ และร้านอาหารในคอนเซ็ปต์ From Farm to Table ของคนเมืองพล สร้างโดยคนเมืองพล นั่นคือ คุณอานนท์ ประไกรวัน ผู้ฝันอยากให้คนในพื้นที่บ้านเกิดมีเนื้อสัตว์ที่ดีต่อสุขภาพบริโภค และมีงานทำ ไม่ต้องจากบ้านไปไกล
ป้ายร้านไทยเนื้อดี by Arnon Farm ใช้รูปวาดคุ้นตาในวิชาศิลปะวัยเด็ก นั่นก็คือภูเขาสองลูกที่มีดวงตะวันตรงกลาง มีบ้านคน ทุ่งนา ต้นไม้ นกบิน ซึ่งเจ้าของเขาก็ตั้งใจเลือกมาใช้สื่อถึงความสุขใจในวัยเยาว์ของใครหลาย ๆ คน
วันที่ไปเยือนคุณอานนท์เจ้าของฟาร์มไม่อยู่ แต่เราได้เจอ พี่สมคิด เนตรสุภาพ ผู้จัดการฟาร์มแห่งนี้ จึงได้เข้าชมโซนต่าง ๆ ของฟาร์มตามนโยบาย Farm Tour เพื่อให้ผู้มาเยือนได้เข้าใจคอนเซปต์ From Farm to Table ชัดเจนยิ่งขึ้น

พี่สมคิดเล่าให้เราฟังว่า เมื่อคุณอานนท์ปักธงต้องการให้ฟาร์มตอบโจทย์เรื่องคนในพื้นที่มีงานทำ ก็เริ่มเก็บข้อมูลว่าชาวบ้านในอำเภอพลทำอาชีพอะไรกัน ซึ่งคำตอบคือคนเมืองพลทำปศุสัตว์เลี้ยงโคอยู่แล้วและทำนา ทางฟาร์มจึงทำพื้นที่ปลูกข้าวปลอดภัย และทำฟาร์มปศุสัตว์ โดยคัดเลือกสายพันธุ์สัตว์ที่โตเร็ว ให้ผลผลิตดี ให้เนื้อคุณภาพมีไขมันแทรกน้อย ทั้งโคพันธุ์บีฟมาสเตอร์ หมูพันธุ์ดูร็อกเจอร์ซีเลือดร้อย ไก่ไร้เกาต์สายพันธุ์ KKU1 ไก่พันธุ์แดงดอกคูนสำหรับเก็บไข่นัว ทุกผลิตผลจัดการเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การเลี้ยง ชำแหละ ดรายเอจ ก่อนส่งไปขายยังหน้าร้านอาหารไทยเนื้อดี วันที่แวะไปพี่สมคิดพาเราไปชมฟาร์มไก่และชวนให้เก็บมะนาวอินทรีย์ที่ปลูกในกรงไก่ด้วย เป็นกิจกรรมสนุก ๆ ที่คุณก็มาลองทำได้เพียงแค่ต้องแจ้งกับทางฟาร์มมาก่อน






เที่ยวชมฟาร์มเสร็จแล้วก็กลับมาที่โซนร้านอาหารไทยเนื้อดี ที่ด้านในร้านมีโซนคาเฟ่ขายกาแฟและเครื่องดื่ม พร้อมด้วยชั้นวางขายข้าวใส่กระสอบป่านดูน่ารัก ข้าง ๆ กันเป็นตู้แช่เย็นเนื้อสด และ เนื้อแช่แข็ง เพื่อจำหน่าย ให้เลือกตามชอบ
อาหารวันนี้ที่ทางฟาร์มเตรียมมาให้ชิมแบบจัดเต็ม หลัก ๆ แล้วคือเน้นให้ชิมเนื้อสัตว์ทุกชนิดจากฟาร์มครบทั้งหมด เปิดมื้อด้วยน้ำผึ้งมะนาวที่ปลูกในฟาร์ม ตามด้วยยากินิคุ ที่รวมเนื้อส่วนต่าง ๆ ทั้งหมูและเนื้อส่วนต่าง ๆ นำมาย่างบนกระทะหินจากญี่ปุ่น ให้ความร้อนด้วยถ่านกะลามะพร้าว ชอบมากที่สุดคือสามชั้นของหมูที่เรียงชั้นสวยงาม สัมผัสกรอบฉ่ำ ย่างเสร็จจิ้มน้ำจิ้มสูตรเฉพาะที่ผสานความแซ่บแบบอีสานไว้กับความโออิชิแบบญี่ปุ่นอร่อยได้ใจ ถัดไปเป็นต้มแซ่บหม้อไฟน้ำซุปหอม ปรุงรสเผ็ดเปรี้ยวถึงใจ หอมกลิ่นใบกะเพรา มีเนื้อวัวส่วนต่าง ๆ ทั้ง น่องลายตุ๋น เอ็นตุ๋น ผ้าขี้ริ้ว และมีเนื้อสันในนุ่ม ๆ มาให้จิ้ม ๆ จุ่ม ๆ ผ่านน้ำซุปร้อน ๆ กินกับน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บอร่อยถูกใจ ยังไม่หมด ต่อกันด้วยไส้กรอกอีสาน ไก่ไร้เกาต์ KKU1 ย่างกลิ่นหอม ๆ พร้อมด้วยสเต๊กเนื้อราดบราวน์ซอส เนื้อไม่มีมันแทรกแต่นุ่มอร่อยสมกับที่เขาบอกไว้




นอกจากที่เล่ามาในเมนูของร้านยังมีอาหารคอมฟอร์ตฟู้ดอีกหลายรายการ เช่น ผัดกะเพรา เนื้อแดดเดียวทอด แกงป่า พล่าเนื้อ ฯลฯ ให้เลือกกันได้ตามชอบใจ บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่ไม่ควรพลาดหากมาเยือนเมืองพล
ร้านไทยเนื้อดี by Arnon Farm เปิดทุกวันเวลา 10.30 – 20.30 น. โทรศัพท์ 082 618 6724
Wellness Center และโรงงานผลิตยาไทยมาตรฐาน GMP
แห่งเดียวในขอนแก่น ณโรงพยาบาลพล

อิ่มมื้อเที่ยงจากร้านไทยเนื้อดี ขับรถมายังโรงพยาบาลพล ไม่ต้องตกใจ ไม่ได้มีใครเจ็บป่วย เพียงแต่เราได้ทำการนัดหมายขอเข้าชมส่วนงานแพทย์แผนไทยของทางโรงพยาบาล ที่ลือกันว่าอัพเลเวลเป็น Wellness Center แถมยังมีโรงงานผลิตยาสมุนไพรมาตรฐาน GMP แห่งเดียวในขอนแก่นด้วย
โรงพยาบาลพลเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทย จึงก่อตั้งงานแพทย์แผนไทยขึ้นในโรงพยาบาลตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 ก่อตั้งกองทุนแพทย์แผนไทย กองทุนยาไทย ในปี พ.ศ. 2531 และพัฒนาต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ จนถึงวันนี้
“เจ็บป่วยคราใด คิดถึงยาไทย ก่อนไปหาหมอ” คือสโลแกนของแคมเปญที่ทางโรงพยาบาลพลต้องการโปรโมท รวมไปถึงรีแบรนด์ดิ้งให้กับผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรในนาม “พลทิพย์” ให้ผู้คนจดจำได้ง่ายขึ้น
เภสัชกรหญิง วชิรานี วงก้อม หัวหน้างานผลิตยา และดูแลงานแพทย์แผนไทย แห่งโรงพยาบาลพล และทีมงานยิ้มแย้มต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ก่อนนำชมส่วนงานต่าง ๆ เริ่มจากโรงผลิตยาตามมาตรฐาน GMP

โซนผลิตยาอยู่ชั้นสองของอาคาร แยกย่อยเป็นห้องตามลักษณะงานที่ต่างกัน เราได้ชมทั้งการผลิตยาแคปซูลขมิ้นชัน การนับเม็ดยา และการบรรจุยาลูกกลอนตำรับยาอมพลทิพย์อันเลื่องชื่อ โดยเภสัชฯ วชิรานี เล่าให้เราฟังว่า ต้นทางของวัตถุดิบสมุนไพร มีทั้งกลุ่มสมุนไพรสดที่ปลูกโดยเกษตรกรในพื้นที่ และจากจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นแหล่งต้นทางวัตถุดิบสมุนไพรสำหรับผลิตยาในพื้นที่ เขต 7 (กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด) รวมถึงนำเข้าจากแหล่งอื่นที่ได้มาตรฐาน โดยเมื่อรับยามาแล้วทางโรงพยาบาลพลจะส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เขต 7 ปีละสองหน เพื่อความปลอดภัยก่อนนำมาใช้




ข้อมูลที่ทางบุคลากรเล่าให้เราฟังแล้วน่าสนใจมากก็คือ ปัจจุบันคนเมืองพล ‘เรียกหา’ ยาไทยของทางโรงพยาบาลมารักษาสุขภาพ แสดงให้เห็นถึงการเปิดใจและเชื่อใจในมาตรฐานของยาไทยจากโรงพยาบาล นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังมีนโยบายใช้ยาสมุนไพรทดแทนยาแผนปัจจุบันในบางกลุ่มอาการ โดยมีแพทย์แผนปัจจุบันแต่ละความชำนาญมาเป็นผู้ร่วมการันตี และให้ข้อมูลว่าตำรับยาไทยใดที่แพทย์แผนปัจจุบันยอมรับ




เรากลับลงมาสู่โซนชั้นล่าง ซึ่งจะมีห้องสำหรับทำหัตถบำบัด และสปาใบหน้าดูแลความงาม การนวดที่โรงพยาบาลเมืองพล จะใช้วิธีนวดแบบราชสำนัก ซึ่งเป็นศาสตร์การนวดชั้นสูง ใช้เพียงนิ้วมือนวด ไม่ใช้เท้า เข่า ศอก และเนื่องจากส่วนงานนี้ปัจจุบันได้พัฒนาเป็น Wellness Center จึงมีเรื่องของความงามเข้ามาเกี่ยวข้อง วันที่แวะไปเราได้เห็นการนวดบำรุงผิวหน้า และยังมีการดูแลมารดาหลังคลอด ด้วยการทับหม้อเกลือ การอบสมุนไพร การพอกหัวเข่าบรรเทาปวด ฯลฯ ให้เลือกใช้บริการ
กลับมายังโซนด้านหน้า เป็นจุดตรวจคัดกรองและให้คำปรึกษาตามวิถีการแพทย์แผนไทย และมีชั้นวางยาตำรับต่าง ๆ ของแบรนด์พลทิพย์ แบ่งตามกลุ่มอาการ ให้เลือกช็อปกัน แต่ครั้งนี้มียาตำรับใหม่ที่น่าสนใจมาก นั่นก็คือ “ยาดมพลยุทธ”
ด้วยกระแสยาดมที่กำลังนิยม ทางโรงพยาบาลพลก็ไม่พลาดที่จะผลิตยาดมตำรับของพวกเขาขึ้นมาจำหน่าย แถมยังวางสตอรี่เทลลิ่งไว้อย่างมีกิมมิค ก็คือ นำคำขวัญอำเภอ ช่วงที่บอกว่า เมืองพลเป็นเมืองแห่งนักรบ มาใช้เป็นคอนเซปต์ว่า ขุนศึกย่อมเกิดความเครียดจากศึกสงคราม ยาดมนี้จะช่วยผ่อนคลายความเครียด โดยตัวยากลิ่นหอมสำคัญที่ใส่ลงไปคือ “ว่านนางคำ” ชื่อของสมุนไพรนี้ เปรียบดังมีอิสตรีมาคอยปรนนิบัติพัดวีอยู่ใกล้ ๆ ให้ทหารกล้ามีความสุขใจ ใดใดคือตัวว่านนางคำก็มีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายอีกด้วย ถือว่าเป็นไอเท็มที่ควรมีไว้ติดกระเป๋า
ความเก๋ไก๋ของที่นี่ยังไม่จบ เพราะเขามีรับจัด Box Set ของขวัญของฝาก จากผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในแบรนด์พลทิพย์ด้วย และถ้าไม่สะดวกเข้ามารับด้วยตัวเอง ก็มีบริการจัดส่งให้ถึงที่




การเข้ารับบริการกับทาง Wellness Center ส่วนงานแพทย์แผนไทยของโรงพยาบาลพล ก็อำนวยความสะดวกสุด ๆ เพราะ ในกลุ่มอาการที่เกี่ยวกับ ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก การดูแลมารดาหลังคลอด ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางสูตินรีเวช ระบบผิวหนัง ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหาร การทำหัตถการต่าง ๆ รวมทั้งการเบิกจ่ายยา ก็สามารถมาใช้บริการที่กลุ่มงานแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลพล ได้เลย เพียงถือบัตรประชาชนมาหนึ่งใบ ไม่ต้องไปแออัดอยู่ที่ตึกผู้ป่วยนอก
จึงอยากแนะนำว่า มาเมืองพลเมื่อไรอย่าพลาดปักหมุดมาเยือน กลุ่มงานแพทย์แผนไทยและ Wellness Center โรงพยาบาลพล เปิดให้บริการวันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่ 08.00 – 20.00 น. และในวันเสาร์ เวลา 08.00 – 16.00 น. และเปิดให้บริการหยุดนักขัตฤกษ์ในบางเทศกาล (แนะนำให้โทรศัพท์สอบถามก่อน) หยุดวันอาทิตย์ สำหรับผู้ที่สนใจเข้ารับบริการ สามารถนัดหมาย จองผ่านไลน์ออฟฟิศเชียล หรือโทรศัพท์นัดหมายเวลาล่วงหน้าได้ด้วย ที่หมายเลข 043 415 896 หรือ 043 414 710-2 ต่อ 238
โสกผีดิบแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยาหินล้านปีที่อยู่ใกล้เมือง

จากโรงพยาบาลพล ถ้าใครชอบศึกษาธรรมชาติ สามารถปักหมุดสถานที่ท่องเที่ยวชื่อชวนขนลุกอย่าง โสกผีดิบ และเดินทางไปชมได้ โดยอาจจะต้องขับรถเลี้ยวซ้ายจากถนนมิตรภาพตรงหัวมุมโรงพยาบาลพลต่อไปอีกราว 10 กม. เพื่อไปยังบ้านหนองบัวน้อย ต.โสกนกเต็น เพราะที่นี่คือแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยาใกล้เมืองที่น่าสนใจ โดยหินที่เกิดขึ้นอยู่ในกลุ่มหินโคราช หมวดหินภูทอก เกิดในยุคครีเทเชียส – เทอร์เซียรี ตอนต้น อายุราว 65.5+ – 0.25 ล้านปี ทำให้มีก้อนหิน เสาหิน และลานหิน ลักษณะตะปุ่มตะป่ำ ให้ได้ชมและแชะภาพกัน
ใดใด ใครกลัวผี แนะนำว่าอย่าลองดีไปท้าทาย อย่าไปวันพระ และอย่าไปคนเดียว เพราะสถานที่นี้มีประวัติเล่าว่า ในช่วงปี พ.ศ.2484 เกิดโรคฝีดาษระบาดในพื้นที่ใกล้เคียง ผู้คนล้มตายกันเยอะมากจนเผาไม่ทัน จึงนำร่างของผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งมาทิ้งไว้ในบริเวณแห่งนี้ ร่ำลือกันว่ามีคนเจอดีกันหลายราย มีเขียนป้ายระบุไว้หน้าทางเข้าว่าทุกวันพระจะได้ยินเสียงคร่ำครวญหวนไห้ แต่บ้างก็โชคดีกลับมา เอาเป็นว่าฟังหูไว้หู ไม่เชื่ออย่าลบหลู่แล้วกัน
ถ้าตัดเรื่องความน่ากลัวออกไป ต้องบอกว่า โสกผีดิบ ถือเป็นสถานที่ที่น่าสนใจทั้งในแง่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ไม่ไกลจากเมือง และยังเป็นโลเกชั่นสวย ๆ สำหรับถ่ายภาพกัน แต่ที่เตือนไม่ให้ไปลำพัง เพราะสถานที่ค่อนข้างเปลี่ยว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยไปกันเป็นหมู่คณะจะดีกว่า
พิกุล ร้านอาหารสีแดงที่มี Co Working Space อยู่ด้านบน

บ่ายแก่ ๆ หากาแฟดี ๆ และของกินเล่นสักหน่อยให้คลายหิว เราจึงพุ่งไปยังร้านพิกุล นอกจากคลายความหิวโหยแล้วคืออยากคุยกับ ปิ๊ก สุภิวัฒน์ เรืองศักดิ์ เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นคนเมืองพลรุ่นใหม่ที่กลับมาอยู่บ้าน และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปลุกเมืองพลด้วยการรวมกลุ่มเพื่อนๆ มาช่วยกันสร้างสรรค์ถนนเฉลิมพล ให้กลายเป็นถนนคนเดิน ทั้งยังร่วมหุ้นเปิดร้าน “เฉลิมพลนมสด” ขึ้น เพื่อให้เมืองพลในทุกวันยามเย็น มี Space ให้คนรุ่นใหม่ได้มาพูดคุย ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์กัน
ปิ๊กบอกกับเรา ฝันที่อยากปลุกย่านเก่าของเมืองพลให้กลับมามีสีสัน ลำพังร้านเฉลิมพลนมสดร้านเดียวอาจยังมีพลังไม่พอ จึงตั้งใจเปิด “ร้านพิกุล” แห่งนี้ขึ้น โดยเช่าอาคารไม้ในย่านนี้ และรีโนเวทเป็นร้านอาหารสีแดง ที่ชั้นล่าง มีทั้งคาเฟ่ โต๊ะรองรับสำหรับผู้มารับประทานอาหาร ผนังมีจุดโชว์งานศิลปะของศิลปินในเมืองพล ส่วนชั้นบน เป็น Co Working Space ไว้ให้เป็นพื้นที่นั่งทำงานแบบชิล ๆ เหมือนทำงานอยู่บนบ้าน เพื่อให้ร้านอาหารแห่งนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่ส่องประกายให้กับย่านเมือง

“คนเมืองพลเรียกโซนนี้ว่า ย่านเมืองเก่าติดกับสถานีรถไฟ ซึ่งเมื่อก่อนตึกรามบ้านช่องโซนนี้มันจะเป็นอาคารไม้ เป็นย่านของคหบดีเก่า เนื่องจากมีสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ ๆ ทำให้แต่ก่อนการค้าขายในย่านนี้จะคึกคักมาก พอถนนมิตรภาพเริ่มเข้ามา การสัญจรด้วยรถไฟก็เริ่มลดลง จึงทำให้โซนนี้ค่อย ๆ ถูกกลืนหายไปตามยุคสมัย
“ผมรู้สึกว่า โซนนี้มันมีเรื่องเล่านะ ทั้งที่เราเริ่มทำร้านนมเฉลิมพลขึ้นมา จากเมืองเงียบ ๆ ก็สร้าง space ให้ผู้คนได้ออกมานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น คิดงาน มีนมอุ่น ๆ มีขนมปังหอม ๆ ไว้เสิร์ฟเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สำคัญว่าตรงนั้นมันช่วยให้เมืองได้มีแสงสว่างมากขึ้น ทำให้ย่านนั้นการค้าเริ่มกลับมาครึกครื้นมากขึ้น แต่สำหรับผมก็คิดว่า จริงๆ เรามีแค่หนึ่งจุดก็ยังดูไม่เพียงพอ ผมก็เลยคิดว่า ถ้าเราจะทำอะไรอีกสักอย่าง ขอมาอยู่โซนนี้ด้วยดีกว่าได้ไหม ด้วยความที่เป็นคนชอบบ้านไม้เก่า ๆ อยู่แล้ว เพราะมันมีเรื่องเล่าให้เล่า มีสตอรี่ให้ลิงก์ ก็เลยเลือกที่จะมาเปิดร้านพิกุลไว้ตรงนี้ ด้วยจังหวะโอกาสที่เหมาะพอดีว่าบ้านไม้เก่าหลังนี้เขามารีโนเวทใหม่ แล้วเราก็มาตกแต่งเพิ่มเติม ให้มันออกมาเป็นร้านพิกุลอย่างที่เราอยากเห็นจริง ๆ”



อาหารร้านนี้เป็น comfort food เข้าถึงได้ง่าย ซิกเนเจอร์สามจานที่ปิ๊กแนะนำให้เราลิ้มลองวันที่แวะไปเยือน คือ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ คั่วมาแห้ง ๆ ใส่ปลาหมึกกรอบ และเนื้อไก่ รสกลาง ๆ รับประทานง่าย ต่อด้วย สปาเกตตีกะเพราหม่ำ เพราะหม่ำเป็นอาหารซิกเนเจอร์ของเมืองพล ทางร้านจึงสั่งหม่ำจากร้านบุญชู ซึ่งต้องสั่งทำเฉพาะกิจ นำมาผัดกับสปาเกตตี รสชาติเข้มข้นถูกปากคนที่ชอบอาหารรสเข้ม รายการที่สามคือ พิซซ่าหน้าหม่ำ อันนี้ชอบมาก แป้งพิซซ่ามีความกรอบนอกนุ่มใน แล้วคอมบิเนชั่นของมอสซาเรลล่าชีส กับหม่ำ ที่เคียงพริกเขียวสด กับกระเทียม กินแล้วเข้ากันที่สุด




ด้วยความตั้งใจก่อการดีกับบ้านเมืองขนาดนี้ หากมาเยือนอำเภอพลเมื่อไร ก็อยากให้ทุกคนแวะเวียนมาให้กำลังใจเขาด้วย ร้านพิกุล เปิดวันอังคาร -ศุกร์ เวลา 08.00 – 22.00 น. เสาร์-อาทิตย์ ร้านเปิด 09.00 – 22.00 น. ส่วนครัวของเราจะเริ่มเปิดอาหารตอน 11.00 – 21.00 น. ทุกวัน ร้านหยุดทุกวันจันทร์ พิกัดนั้นปักหมุดหาเอาจะง่ายสุด หรือไม่ก็เริ่มต้นที่สถานีรถไฟอำเภอพล ถือว่าไม่ไกลกันมาก โทรศัพท์สอบถามรายละเอียด 06 3313 6721
ปูยิ้มหมูกระทะ ปิ้งย่างในดวงใจคนเมืองพล

พอเรียกน้ำย่อยจากร้านพิกุลแล้ว นี่เคยได้ยินคนลือกันหนาหู ว่าหมูกระทะเมืองพลอร่อยนักหนา มันจะแค่ไหนกันเชียวต้องลองพิสูจน์ ซึ่ง ณ วันที่แวะไปเยือน หมูกระทะเจ้าดังที่เมืองพลมีอยู่สองเจ้า แต่ด้วยการสอบถามคนพื้นที่หลาย ๆ คน ต่างชี้เป้ากันมาที่ร้าน ปูยิ้มหมูกระทะ ว่าแล้วขอลองสักหน่อยว่าจะอร่อยสมคำร่ำลือไหม
ปูยิ้มหมูกระทะเป็นร้านหมูกระทะเล็ก ๆ ที่เปิดมา 27 ปีแล้ว เดิมชื่อร้านปูน้อยหมูกระทะ ตามชื่อเจ้าของร้าน ก็คือ พี่ปูน้อยซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อมาเป็น พี่ปูยิ้ม พรสวรรค์ ศรีมาศ และเปลี่ยนชื่อร้านอีกที

พอเราแวะไปจึงเก็ทว่าทำไมลูกค้าเต็มร้าน เพราะดูจากวัตถุดิบปิ้งย่างที่ทางร้านคัดสรรมา ไม่น่าเชื่อว่า ร้านหมูกระทะเล็ก ๆ แห่งนี้จะเต็มไปด้วยวัตถุดิบหมูกระทะเกรด A มากมายละลานตาเต็มไปหมด พี่ปูยิ้มเล่าว่าจะเลือกเฉพาะของพรีเมี่ยมมาขายเท่านั้น สมมติว่าหมูมีแบ่งหลายเกรด เธอก็จะเลือกเฉพาะเกรด A หรือ A+ มาให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง เนื้อสัตว์สำหรับปิ้งย่างของที่นี่จึงเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ขาด ๆ วิ่น ๆ เหมือนร้านหมูกระทะหลายร้านที่เคยประสบพบเจอ




ไอเท็มเด็ดที่เราไปเจอก็คือ หมูปูยิ้ม หมูสันนอกที่นำมาหมักเครื่องเทศสมุนไพรสดสูตรลับเฉพาะของร้าน และที่สำคัญ หมูที่เลือกใช้จะเป็นหมูฟาร์มในพื้นที่ ไม่ได้เป็นลูกเล้าของบริษัทเลี้ยงสัตว์เจ้าใหญ่ ซึ่งต้องบอกว่าหมูปูยิ้มพอย่างเสร็จ ชิ้นหมูจะทั้งกรอบและนุ่มในตัว หอมกลิ่นสมุนไพร จิ้มกับน้ำจิ้มที่มีให้เลือกสองแบบ ทั้งซีฟู้ด และแบบคลาสสิก สามรส เปรี้ยว หวาน เค็มนิด ๆ และเผ็ดพอดี ถือว่าลงตัวสุด ๆ ขณะย่างหมู พี่ปูยิ้มตักลูกชิ้นภูเก็ตมาเพิ่มให้ลองชิม พอนำไปต้มด้านข้างกระทะจนสุกร้อน คีบมากินแล้วกรอบเด้ง เนื้อเนียนละมุนดีงามมาก
พี่ปูยิ้มบอกว่าหมูกระทะของร้านเธอสมัยก่อนวันปีใหม่ใคร ๆ ต้องสั่งไปกินที่บ้านเพื่อเคาท์ดาวน์ ด้วยเป็นคนเมืองพลแต่กำเนิด พอทำหมูกระทะขาย ก็อยากให้คนเมืองพลได้กินของดี ๆ คุณภาพเลิศ รสชาติอร่อย และฝันว่าอยากให้ปูยิ้มหมูกระทะเป็นร้านในดวงใจของคนเมืองพลจากรุ่นสู่รุ่น แต่นี่คิดว่านอกจากความอร่อยแล้ว อัธยาศัยที่ดีงามและรอยยิ้มสมชื่อของพี่ปูยิ้มคื่อเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง จึงไม่แปลกใจที่ทำไมคนเมืองพลถึงแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย และต้องขอบอกว่า หมูกระทะเมืองพลร้านปูยิ้มอร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ
ปูยิ้มหมูกระทะ ตั้งอยู่บนถนนรามราช เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 10.00 – 24.00 น. ไม่มีวันหยุด โทรศัพท์ 08 6864 6599 หมูกระทะขายแบบชั่งน้ำหนัก กิโลกรัมละ 250 บาท เริ่มต้นที่ 1 กิโลกรัมเป็นอย่างต่ำ
เฉลิมพลนมสด คอมมูนิตี้และแสงสว่างใจกลางย่านเก่า

กินหมูกระทะอิ่มแปล้ แต่ถ้าได้นมอุ่น ๆ กับขนมปังปิ้งราดสังขยาปิดท้ายมื้อสักหน่อย คงนอนหลับฝันหวาน เราก็เลยไปเยือน เฉลิมพลนมสด ร้านนมที่สร้างขึ้นภายใต้โครงสร้างอาคารไม้หลังเก่าหัวมุมถนนในตรอกเฉลิมพล ที่นั่นเราได้พบกับปิ๊ก และดรีมทีมคนรุ่นใหม่ของเมืองพล ที่กำลังนั่งแลกเปลี่ยนความคิดในการพัฒนาบ้านเกิดของพวกเขา ปิ๊กเล่าถึงเหตุผลที่ทำให้ร้านนมเฉลิมพลแห่งนี้เกิดขึ้นว่า
“เมืองพลไม่มีที่ให้คนรุ่นใหม่นั่งคิดงาน ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ พวกเราก็เลยตกตะกอนกันว่า งั้นเปิดร้านนมตอนเย็นขึ้นน่าจะดี โดยเลือกเปิดในย่านเฉลิมพล เพราะเป็นย่านเก่าแก่ของเมืองพล และเป็นโซนขายอาหารโต้รุ่งเดิมด้วย จากย่านที่ซบเซา ถ้ามีร้านนมที่เปิดขายกลางคืนจะได้เป็นจุดส่องสว่างและคืนชีวิตชีวาให้กับย่านนี้ และอีกอย่างคือ บ้านไม้ในย่านนี้หลาย ๆ หลังปิดตาย บ้างก็ถูกรื้อถอน หากมีคนมาใช้ประโยชน์ ก็จะช่วยอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไม้ที่เป็นความงดงามของเมืองเอาไว้ได้ด้วย”
ทุกคนคงนึกภาพที่เขาเล่ามาไม่ออกแน่ ๆ หากไม่มีโอกาสได้มาค้างที่เมืองพลสักวัน สองทุ่มที่เมืองพล ยิ่งใกล้โซนเมืองเก่า ยิ่งมืดมิดราวกับเที่ยงคืน พอเลี้ยวรถมาโซนโต้รุ่ง ใกล้ร้านนมเฉลิมพล จึงเข้าใจสิ่งที่ปิ๊กเล่าให้ฟัง เพราะแสงไฟจากร้านเฉลิมพลคือจุดส่องสว่างเดียวตรงนั้น และเป็นจุดที่ทำให้มีรถราขับมาจอดเพื่อลงมานั่งกินขนมปังปิ้งและนมสดกัน มีบรรยากาศของครอบครัว คุณแม่พาลูกน้อยมากินขนมกินนมตอนหัวค่ำ หนุ่มสาวที่เพิ่งเลิกงานมานั่งพักผ่อนรีแล็กซ์กัน หรือแม้แต่กลุ่มคนรุ่นใหม่รวมตัวกันมานั่งคิดงาน




การมีร้านเฉลิมพล ยังช่วยให้ตลาดโต้รุ่งฝั่งตรงข้ามที่ค่อนข้างซบเซา กลับมาคึกคักขึ้นบ้าง เพราะร้านนมแห่งนี้ดึงดูดผู้คนให้เวียนมาใช้ชีวิตจับจ่ายใช้สอยยังย่านเก่าแห่งนี้อีกครั้งเฉลิมพลจึงไม่ใช่แค่ร้านนม แต่มันคือคอมมูนนิตี้ซึ่งเป็นความหวังของย่านเมืองพลเก่าในวันที่ไม่ได้มีเทศกาลใดใด ให้ยังมีลมหายใจต่อไปได้
ใครแวะไปเมืองพล ร้านเฉลิมพลนมสด เปิดทุกวัน เวลา 16.00 – 22.00 น. โทร. 091 018 3848
ครบรอบ 1 ปีถนนคนเดินเมืองพล ฮ่วมซ่าง ฮ่วมศิลป์
หลังจากร้านเฉลิมพลนมสดเปิดตัวขึ้น ณ ตรอกเฉลิมพลแห่งนี้ ปิ๊กและเพื่อน ก็เคลื่อนเมืองกันต่อตามความฝันของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการปลุกย่านเมืองเก่าที่มีความสวยงามของสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนไม้ ให้กลับมามีชีวิตชีวา และดึงผู้คนในเมืองพล หรือผู้ที่สนใจให้กลับเข้ามาใช้ชีวิตในย่านนี้อีกครั้ง โปรเจคถนนคนเดินเมืองพล หรือ MuangPhon Walking Street ฮ่วมซ่าง ฮ่วมศิลป์ จึงเกิดขึ้น


โดยเปิดตัวถนนคนเดินแห่งนี้ครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ในธีม Pride Month มาถึงวันนี้ ถนนคนเดินเมืองพลยังจัดต่อเนื่องทุกวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน ครบรอบ 1 ปี ที่สีสันของอีเวนต์ประจำอำเภอนี้ยังโดดเด่นน่าสนใจ อาจเพราะมีคนรุ่นใหม่คอยอยู่เบื้องหลัง ทำให้กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เข้าถึงคนทุกเจนเนอเรชั่น และไม่น่าเบื่อ ปิ๊กบอกกับเราว่า
“ตอนแรกที่คิดจะจัดถนนคนเดินตรงนี้ ผมกับทีมเห็นตรงกันว่า ถนนเฉลิมพลมีอาคารไม้สวย ๆ อยู่มากและอยากอนุรักษ์ไว้ ถ้าเราไม่ทำอะไรก็คงจะถูกรื้อถอนไปในที่สุด ก็เลยลองเสนอโปรเจคกับทางเทศบาล ซึ่งเขาก็ให้ความสนับสนุน พวกเรามองว่าถนนคนเดินไม่ใช่แค่ตลาด แต่มันต้องสามารถนำเสนออัตลักษณ์ของเมืองพลให้กับคนที่มาเดินได้สัมผัส และทุกคนในชุมชนควรมีส่วนร่วม ได้ประโยชน์ร่วมกัน รวมไปถึงอยากให้ถนนคนเดินแห่งนี้เป็นเวทีของคนรุ่นใหม่ ให้ได้มาแสดงออกในความสามารถของพวกเขา”







โดยถนนคนเดินเมืองพลจะนำเสนองานศิลปะเป็นหลัก แต่ถึงอย่างนั้นร้านของกินอร่อย ๆ หรือคนที่มีฝีมือด้านการทำอาหารในเมืองพล ก็เข้ามาปล่อยฝีไม้ปลายจวักให้คนรักอาหารการกินได้ลิ้มลอง อย่างเช่น เจ๊บี๋ ร้านเมืองพลโอชา ก็จะมาขายขนมเบื้องญวน ร้านขนมไทยชาวไทย ที่เลื่องชื่อของคนเมืองพล และอีกสารพัดร้านรวง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจจัดขึ้นผัดเปลี่ยนกันไป เช่น งานประกวดวาดรูป เวทีแข่งขันเกมส์ออนไลน์ หรือแม้แต่งาน Pride Month ปี 2568 ที่ผ่านมานี้ พวกเขาก็จัดประกวดชุดแฟชั่นในธีมรักษ์โลก ให้น้อง ๆ หนู ๆ และผู้ที่สนใจเข้าร่วมประกวดชิงเงินรางวัล เรียกได้ว่ากลายเป็นสีสันของเมืองที่น่ามาเยือนไม่น้อย และต้องขอชื่นชมเหล่าดรีมทีมของปิ๊ก พลเมืองเมืองพลผู้เข้มแข็ง และตั้งใจพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองด้วยใจโดยแท้
ใครสนใจมาเยือนถนนคนเดินเมืองพล มาให้กำลังใจกับปิ๊กและผองเพื่อนคนรุ่นใหม่ที่ช่วยกันก่อร่างสร้างเมือง ก็ให้จำไว้ว่า ทุกเย็นวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน คุณมีนัดเจอกับพวกเขาที่ถนนคนเดินเมืองพล
ภูมิสุขเมืองพล จุดแวะพัก อณาจักรของฝากทั่วไทยแห่งเมืองพล

มาเยือนเมืองพลทั้งที ต้องหาของกลับไปฝากคนที่บ้านสักหน่อยและ ร้านภูมิสุขเมืองพล คือ One Stop Station ที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการ
ภูมิสุขเมืองพล เริ่มต้นจากร้านขายข้าวแกงข้างทางจานละ 10 บาท และพัฒนต่อเนื่องมาจนวันนี้กลายเป็นสถานที่พักรถกึ่งคอมมูนิตีที่รวบรวมทุกอย่างเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นฟู้ดคอร์ทอาหารอร่อย คาเฟ่&เบเกอรีช็อป อณาจักรของฝากเด็ดดีจากทั่วประเทศไทย และต่างประเทศอีก 5,000 รายการ อีกทั้งยังเป็นจุดขายสินค้าฮีโร่โปรดักต์ของทางร้านทั้ง หม่ำอินเตอร์ ไส้อั่ว ไส้กรอกอีสาน ขนมปังเวียดนามแบรนด์อันบั๋นหมี่ มีโรงทำหม่ำโชว์กันสด ๆ ให้ชม แถมชั้นสองยังเป็นโซนห้องประชุมสัมนาที่รองรับผู้ร่วมประชุมได้ถึง 300 ที่นั่งเลยเชียว

แม่สมพร วชิรธีระพล ประธานบริษัท ภูมิสุข เมืองพล จำกัด เล่าให้ฟังว่า พื้นเพเป็นคนจังหวัดหนองคาย แต่มาแต่งงานกับสามีซึ่งเป็นคนอำเภอพล ต่อมาจึงเปิดร้านข้าวแกงเล็ก ๆ ริมถนนมิตรภาพ
“ตอนนั้นริมถนนสายนี้ไม่มีร้านอาหารดี ๆ ค่ะ ก็เลยตั้งใจอยากทำร้านขายอาหารพร้อมทานให้ลูกค้า เราก็มีทั้งข้าวแกง และเซตอาหาร คิดว่าอยากให้ลูกค้าได้กินอาหารที่ร้อน ๆ จึงมีไมโครเวฟไว้อุ่นอาหารก่อนเสิร์ฟด้วย เราลงทุนสร้างร้านแบบดีเลยนะคะ เริ่มต้นขายข้าวแกงจานละ 10 บาท เท่านั้น ทีนี้พอลูกค้าเริ่มมามากขึ้น ก็เริ่มถามว่าไม่มีของฝากขายบ้างเหรอ เราก็เลยคิดว่าจะหาของฝากมาวางขาย โดยเริ่มจากเวลาไปเที่ยวที่ไหนแล้วเจอร้านขายของฝาก เราก็ไปดูว่าของฝากอะไรขายดี เขาจัดเรียงสินค้ายังไง ค่อย ๆ เก็บข้อมูลและกลับมาพัฒนาปรับปรุงเป็นแบรนด์ของเราเอง แล้วก็ค่อย ๆ ขยับขายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นโดยปรับขยายทีละโซน จนเป็นภูมิสุขทุกวันนี้ค่ะ”




เล่าถึงตรงนี้เลยไม่แปลกใจว่า ทำไมภายในร้านจึงมีฟูดคอร์ทที่ขายอาหารมากมาย หนึ่งในนั้นคือร้านข้าวแกงซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของร้านนั่นเอง แอบกระซิบว่า ที่เห็นล็อกขายอาหารหลากหลายเจ้า แต่ทั้งหมดคือผลิต ปรุง ควบคุม จำหน่าย โดยภูมิสุขเองทั้งหมด วันที่แวะไปได้ลองชิมหลายอย่าง แต่ที่คุณสมพรบอกว่าเป็นซิกเนเจอร์ไม่ควรพลาด คือ เซตน้ำพริกกะปิผักสดผักลวกไข่เจียวชะอม หม่ำอินเตอร์ และ ไก่ย่างเขาสวนกวาง ซึ่งต้องบอกเลยว่าอร่อยลิ้นสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ
อย่างที่เล่าไปว่าภูมิสุขวันนี้มีของฝากกว่า 5,000 รายการ จากทั่วประเทศไทย และต่างประเทศ แต่สิ่งที่เป็นของฝากซิกเนเจอร์ของเมืองพลอย่าง หม่ำ ภูมิสุขก็ไม่พลาดสร้างสรรค์ความอร่อยนี้วางขายด้วย
“เราทำหม่ำไม่เป็นเลยนะคะ แต่ลูกค้าเขาถามหา ก็เลยลองทำดู ลองสูตรอยู่สองปีจนลงตัวจึงลงตัวและกล้าวางขาย ความพิเศษของหม่ำเราก็คือ หากเป็นหม่ำหมู เนื้อหมูที่ใช้จะต้องมาจากฟาร์มที่ได้มาตรฐานรับรองความปลอดภัย ส่วนที่เป็นหม่ำเนื้อซึ่งเป็นซิกเนเจอร์สำคัญของเรา เนื้อวัวที่ใช้จะได้มาจากกลุ่มเกษตรกรที่เลี้ยงโคในพื้นทีเมืองพล เราจะสั่งเนื้อจากเมืองพลมาทำหม่ำเท่านั้นเพื่ออุดหนุนเกษตรกรของพื้นที่ให้มีรายได้ และเราก็ร่วมโครงการกับทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จนกระทั่งวันนี้หม่ำในนาม ‘หม่ำอินเตอร์’ ของเรา ก็ได้รับมาตรฐานทุกอย่างทั้ง อย. GMP”
นอกจากนี้ ในภูมิสุขยังมีคาเฟ่ & เบเกอรี่ช็อป ซึ่งทั้งคุณสมพรและลูกสาว ลงทุนไปเทคคอร์สเรียนที่ Le Cordon Blue เพื่อนำความรู้มาพัฒนาสูตรขนมของตัวเองขายในร้าน รวมถึงขนมปังเวียดนามแบรนด์อันบั๋นหมี่ ที่ใช้ยีสต์ธรรมชาติมาหมักแป้ง แล้วปั้นด้วยมือ อบสดใหม่ทุกวัน วางขายให้ได้ลิ้มลอง หรือซื้อเป็นของฝากคนที่รักได้




นี้คือตัวอย่างข้อมูลที่นำมาเล่าสู่แฟน ๆ Khon Kaen Let’s Go ฟัง ซึ่งตลอดการพูดคุย เราสัมผัสได้ถึงแพสชั่นของคุณสมพรและครอบครัว ที่อยากพัฒนาภูมิสุขให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำเอง ควบคุมเองทุกอย่าง แม้กระทั่งพรีเซ็นเตอร์สินค้าในร้านก็ยัง ให้ลูก ๆ รวมถึงตัวคุณสมพรเองมาเป็นพรีเซ็นเตอร์กันเอง ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อให้ภูมิสุขก้าวไปถึงเป้าหมายสำคัญ นั่นก็คือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมืองพลให้ดียิ่งขึ้น และเป็นที่จดจำประทับใจของผู้มาเยือน ในฐานะจุดแวะพักและอณาจักรของฝากชั้นเลิศแห่งเมืองพล นั่นเอง
ภูมิสุขเมืองพล เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น.-21.00 น. โทรศัพท์ 043 414 974 แวะมาเยือนรับรองไม่ผิดหวัง

ความฝันของทุกคนมีค่า เพราะเป็นสารตั้งต้นให้ผู้คนสร้างสรรค์สิ่งดีงามในชีวิต แต่ฝันนั้นจะกลายเป็นแค่ความฝัน หากไม่ลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง วันใดฝันในใจขาดหาย ลองมาเยือนเมืองพลดูสักครั้งสิ อำเภอที่รวมพลคนมีฝันแห่งนี้ อาจช่วยเติมเต็มพลังใจให้กับไฟฝันของคุณก็เป็นได้
เรื่อง : สิทธิโชค ศรีโช ภาพ : กานต์ ตำสำสู