Khon Kaen Logistics Hub เมื่อขอนแก่นเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ภาคอีสาน ที่สามารถเชื่อมเศรษฐกิจเมืองในทุกมิติ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขอนแก่นได้ยกระดับตัวเองจากเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในภาคอีสาน สู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค ด้วยศักยภาพด้านทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อของโครงข่ายคมนาคมทุกมิติ ทั้งทางราง ทางถนน ทางอากาศ และท่าเรือบกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ขอนแก่นกำลังจะกลายเป็น “เมืองเชื่อม” (Connecting City) ที่รองรับทั้งผู้โดยสาร สินค้า และการพัฒนาเศรษฐกิจในทุกมิติ

พลิกโฉมการเดินทางทางรางสู่ประตูสู่อาเซียน

หนึ่งในโครงการสำคัญที่ตอกย้ำบทบาทนี้ คือ รถไฟทางคู่เฟส 2 “ขอนแก่น–หนองคาย” ระยะทางกว่า 167 กิโลเมตร ที่ใช้งบประมาณเกือบ 29,000 ล้านบาท เส้นทางนี้จะเชื่อมต่อกับรถไฟทางคู่จิระ–ขอนแก่นที่เปิดใช้ไปแล้ว ทำให้สามารถเดินทางต่อเนื่องจากกรุงเทพฯ สู่ชายแดนลาวได้โดยไม่สะดุด และเมื่อแล้วเสร็จในปี 2571 ขอนแก่นจะกลายเป็นศูนย์กลางเปลี่ยนถ่ายเส้นทางสำคัญที่มุ่งสู่ลาวและจีน โดยจะผ่านสถานีใหม่ 14 แห่ง พร้อมย่านจัดเก็บตู้สินค้า (CY) 3 จุด รองรับทั้งผู้โดยสารและระบบขนส่งเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ

นอกจากเส้นทางสู่หนองคาย ยังมีรถไฟทางคู่เส้นทาง “บ้านไผ่–นครพนม” ที่วิ่งผ่านพื้นที่ 6 จังหวัดฝั่งตะวันออก ได้แก่ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร และสิ้นสุดที่นครพนม ระยะทางรวม 355 กิโลเมตร เส้นทางนี้จะทำให้ขอนแก่นทำหน้าที่เป็นจุดตัดของโครงข่ายรถไฟทางคู่ทั้งสองฝั่งของอีสานอย่างสมบูรณ์ เสริมบทบาทให้กลายเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าสู่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor)

ในอีกด้านหนึ่ง โครงการรถไฟความเร็วสูงเฟส 2 “นครราชสีมา–หนองคาย” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไทยและจีน จะทำให้การเดินทางระหว่างภาคและระหว่างประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ขอนแก่นจะกลายเป็นหนึ่งในสถานีหลักบนเส้นทางนี้ และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเมืองใหม่ตามแนวรถไฟความเร็วสูง ทั้งในแง่เศรษฐกิจและเมืองอัจฉริยะ

ท่าเรือบกและศูนย์กระจายสินค้าทางราง

เพื่อแก้ปัญหาความแออัดของท่าเรือแหลมฉบังและรองรับการค้าข้ามพรมแดนกับกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม) ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โครงการ “ท่าเรือบก (Dry Port)” ในจังหวัดขอนแก่นจึงถูกผลักดันขึ้นเพื่อทำหน้าที่เสมือนท่าเรือในพื้นที่ตอนในของประเทศ สามารถดำเนินพิธีการทางศุลกากรได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยหัวใจสำคัญคือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากถนนมาสู่ทางราง (Shift Mode) ตามนโยบายของรัฐบาล

จากการศึกษาของ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) พบว่าขอนแก่นเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาท่าเรือบก ด้วยความพร้อมของระบบศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระดับภูมิภาค และลดปัญหาความแออัดท่าเรือแหลมฉบัง

ในส่วนของรูปแบบการลงทุนนั้น กทท. คาดว่าจะเปิดประมูลให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนกับภาครัฐ (PPP) โดยโครงการนี้จะขับเคลื่อนได้เร็วขึ้นด้วยการผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ท่าเรือฉบับใหม่ ซึ่งจะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมายเดิมและเปิดโอกาสให้ กทท. สามารถจัดตั้งบริษัทลูกหรือร่วมทุนกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่อกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการขนส่งสินค้าทางราง

ทะยานสู่ฮับการบินนานาชาติ

ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาสนามบินขอนแก่น ได้ผ่านการพลิกโฉมครั้งใหญ่ ด้วยโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่และปรับปรุงอาคารเดิมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งแล้วเสร็จและเปิดใช้งานเต็มรูปแบบแล้ว ทำให้ขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 2.8 ล้านคนต่อปี เป็น 5 ล้านคนต่อปี การยกระดับครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการขยายพื้นที่ แต่เป็นการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ (International Airport) อย่างสมบูรณ์ ทำให้สามารถรองรับเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศได้ในอนาคต

แม้ปัจจุบัน ท่าอากาศยานขอนแก่น จะให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศไปยังกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ตเป็นหลัก แต่ศักยภาพที่เพิ่มขึ้นนี้ถือเป็นการเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วโลก โดยคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้จะมีเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศ เช่น จีน เวียดนาม และ สปป.ลาว เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในภาคอีสาน พร้อมรองรับการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Cargo) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญของระบบโลจิสติกส์สมัยใหม่

รถไฟฟ้ารางเบา (LRT) วิศวกรรมท้องถิ่นขับเคลื่อนอนาคตเมือง

และอีกก้าวสำคัญ คือโครงการรถไฟฟ้ารางเบา (Light Rail Transit : LRT) ซึ่งหากทำได้สำเร็จ ก็จะเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ความพิเศษของโครงการนี้คือการเป็น “ระบบรางที่พัฒนาโดยคนอีสานเพื่อคนอีสาน” อย่างแท้จริง จากความร่วมมือระหว่างนักวิจัย มทร.อีสาน และภาคเอกชนไทย ทำให้สามารถออกแบบและผลิตขบวนรถโดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศกว่า 70% ลดต้นทุนได้อย่างมหาศาล และเป็นการวางรากฐานให้อุตสาหกรรมระบบรางของประเทศ

ซึ่งขณะนี้โครงการกำลังเดินหน้าก่อสร้างรางทดลองในพื้นที่มหาวิทยาลัย และคาดว่าจะเริ่มวิ่งทดสอบได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โครงการ LRT ขอนแก่นจึงไม่ใช่แค่ระบบขนส่งใหม่ แต่คือการสร้างงาน สร้างโอกาส และเป็นบทพิสูจน์ว่าเมืองสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อนได้ด้วยศักยภาพของคนในพื้นที่เอง

ต้นแบบขนส่งอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี MaaS

สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ คือความพยายามของขอนแก่นในการพัฒนาระบบขนส่ง “เส้นเลือดฝอย” ภายในเมืองให้มีมาตรฐานสากล ซึ่ง “ขอนแก่นซิตี้บัส (Khon Kaen City Bus)” คือบทพิสูจน์ของความสำเร็จนั้น โดยเป็นมากกว่าแค่รถโดยสาร แต่เป็นระบบขนส่งอัจฉริยะที่นำเทคโนโลยี Mobility as a Service (MaaS) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยเป็นเบื้องหลังการให้บริการคือศูนย์ควบคุมและสั่งการ (Control Center) ที่ติดตามตำแหน่งรถทุกคันแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ GPS เพื่อบริหารจัดการการเดินรถให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ในขณะที่ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบตำแหน่งรถและวางแผนการเดินทางได้ผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้การรอรถมีตารางเวลาที่แม่นยำและเชื่อถือได้ ด้วยเส้นทางที่เชื่อมโยงจุดยุทธศาสตร์สำคัญทั่วเมือง ตั้งแต่สนามบิน โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และสถานีขนส่ง ประกอบกับระบบที่มีเสถียรภาพสูง ทำให้ขอนแก่นซิตี้บัสกลายเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ นำไปประยุกต์ใช้ เช่น โครงการ Go Go Bus ในกรุงเทพฯ และ ปราจีนซิตี้บัส ในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนตอกย้ำว่า ขอนแก่นไม่ได้เพียงแต่ลงทุนในโครงสร้างขนาดใหญ่ แต่ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านระบบขนส่งสาธารณะที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

เมื่อทุกมิติการเดินทาง ตั้งแต่ราง อากาศ จนถึงระบบขนส่งในเมือง ถูกวางโครงสร้างและบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ขอนแก่นจึงก้าวข้ามจากการเป็นเพียง “ศูนย์กลางภูมิภาค” สู่การเป็น “ศูนย์กลางโลจิสติกส์” ที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจอีสานกับภูมิภาคและต่างประเทศ พร้อมแสดงศักยภาพการเป็น “เมืองต้นแบบแห่งอนาคต” ที่มีศักยภาพและสามารถเป็นผู้นำในการออกแบบอนาคตของการเดินทางและการพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน


#KHONKAENLETSGO #ขอนแก่นแล่นโลด #โครงการขอนแก่น #โลจิสติกส์ขอนแก่น #รถไฟขอนแก่น #ท่าเรือบกขอนแก่น #สนามบินขอนแก่น #ขอนแก่นซิตี้บัส

Share :